กรณี นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) ครั้งที่ 3/2568 โดยมี พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม รองประธานกรรมการ พร้อมด้วย นางพงษ์สวาท นีละโยธิน ปลัดกระทรวงยุติธรรม ปลัดกระทรวงการคลัง ปลัดกระทรวงมหาดไทย ปลัดกระทรวงพาณิชย์ อัยการสูงสุด ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา เจ้ากรมพระธรรมนูญ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย นายกสภาทนายความ และผู้ทรงคุณวุฒิที่คณะรัฐมนตรีแต่งตั้งอีก 9 ราย ร่วมเป็นคณะกรรมการฯ และมีอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เป็นกรรมการและเลขานุการ ในการประชุม โดยมีวาระการพิจารณารับคดีอาญาอื่นเป็นคดีพิเศษ กรณี การคัดเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ที่มีกระบวนการหรือพฤติการณ์ที่มิได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรม หรือ "คดีฮั้วเลือก สว." ที่กระทรวงยุติธรรม ต่อมา "นายภูมิธรรม" แถลง บอร์ด กคพ.ได้มีมติรับพิจารณาคดีฮั้วเลือก สว.2567 เป็นคดีพิเศษ เมื่อวันที่ 6 มี.ค.นี้
6 มีนาคม 2568 ล่าสุด พล.ต.ท.คำรบ ปัญญาแก้ว อดีตผู้ช่วย ผบ.ตร. / สว.สำรอง เดินทางมา ที่กระทรวงยุติธรรม พร้อมป้ายไวนิล เพื่อส่งกำลังใจให้การประชุมโหวตรับ คดีฮั้ว สว.67 เป็นคดีพิเศษของคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) ทั้งยังรอลุ้นฟังผลการรับเป็นคดีพิเศษอีกด้วย
พล.ต.ท.คำรบ เปิดเผยว่า สิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นในวันนี้จะถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ว่าครั้งหนึ่ง มีการพิจาณาในคดี อั้งยี่ ซ่องโจร ยุยงให้ประชาชนทำผิดกฎหมาย ที่เกี่ยวข้องกับการเลือกฮั้วสว. ที่เกิดจากการกระทำผิดของคนกลุ่มหนึ่งที่มีการวาง ตั้งแต่ต้น ทำให้ได้ สว. มาโดยมิชอบด้วยกฏหมาย
ยังบอกอีกว่า ตนเอง ในฐานะที่เป็นส.ว. สำรอง พบเห็น กระบวนการ การฮั้วใช้โพยในการเลือกตั้งตั้งแต่วันแรกที่มีการเลือกในระดับอำเภอ จังหวัดและประเทศ ยิ่งวันที่ 26-27 มิถุนายนที่ผ่านมา
ที่เป็นการเลือกระดับประเทศที่เมืองทองธานีตนพบเห็นมีการใช้โพยและคะแนนแต่ละกลุ่มออกมาผิดปกติ และยังพบโพยที่ถูกใช้แล้วทิ้งไว้ และมีการมาเผยแพร่ในไลน์
ซึ่งตนได้นำโพยมาเปรียบเทียบคะแนนและสืบสวนไปถึงต้น และยังพบโพยอื่นอีกรวม 4 โพย ซึ่งโพยเหล่านั้นมีผลคะแนนตรงกับคะแนนสูงสุดของทุกกลุ่ม ซึ่งได้นำข้อมูลผู้ที่ทำโพย ที่ถูกชักจูผู้ที่เต็มใจ
และ ผู้ที่ถูกหลอก ร่วมทำโพย ดังกล่าวส่งให้ กกต.ในการดำเนินการสอบสวนตามกฎมหาย พรป.ว่าด้วยการเลือดตั้ง
ซึ่งตนร้องเรียนไปตั้งแต่วันที่ 28 มิถุนายนหลังการเลือกตั้งเพียงหนึ่งวัน ซึ่งทางกกต. ก็อยู่ระหว่างการสอบสวน แต่ก็ยังไม่มีความชัดเจน และทางสว.สำรอง ก็มองเห็นว่าพฤติกรรมแบบนี้ เข้าข่ายความผิดอาญาข้อหา อั้งยี้ และความผิดด้านความมั่นคง ซึ่งได้มาร้องที่ DSI ไว้แล้ว และตนได้ไปสืบทราบมาว่าเครือข่ายดังกล่าวเชื่อมโยงไปถึงระดับประเทศ ที่มีการวางแผนบงการการฮั้วเลือกตั้งสว
พล.ต.ท.คำรบ บอกว่า ผมให้เกียรติคณะกรรมการทุกๆท่าน ผมเชื่อมั่นว่ากรรมการทุกท่านจะใช้ความรู้ความสามารถในการทำหน้าที่นี้อย่างตรงไปตรงมา และมั่นใจในข้อมูลที่ให้ไปทางดีเอสไอ และเชื่อว่าข้อมูลที่ให้ไปมีมูลเพียงพอที่จะสามารถเปิดคดีได้และดีไซน์คงเห็นแนวทางจึงขอให้มีการประชุมพิจารณาคดีพิเศษ
ส่วนที่มีการไปตกลง ผมไม่รับรู้ว่าเป็นเรื่องการเมืองอะไรเพราะพวกผมเริ่มต้นจากต้องการให้เป็นไปตามกฎหมายเพราะว่ามีคนกระทำผิดจึงไปร้องทุกข์ ส่วนผลจะออกมาเป็นบวกหรือลบใครจะได้ประโยชน์ผมไม่ทราบส่วนจะเป็นเกมต่อรองอะไรผมว่าคดีนี้ไม่ใช่ยักยอกทรัพย์ที่จะต่อรองกันได้ เมื่อมาถึงขนาดนี้ก็จะเดินให้สุดทาง