13 มกราคม 2568 แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรีวันจันทร์ที่ 13 มกราคม ซึ่งมีน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน นั้น กระทรวงการคลัง เตรียมนำ "ร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ" … (เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์) เข้าสู่การพิจารณาในที่ประชุม ซึ่งหลังจากประชุมเสร็จสิ้น ในช่วงบ่ายวันเดียวกัน นายกฯแพทองธาร ก็จะเดินทางไปปฏิบัติภารกิจราชการ ที่จ.นครสวรรค์ทันที
ทั้งนี้ การประชุมครม.ต้องเลื่อนจากวันอังคารที่ 14 มกราคม มาเป็นวันจันทร์ที่ 13 มกราคม เนื่องจากวันที่ 14 มกราคม รัฐบาลจัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีสมมงคลพระชนมายุเท่าพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช
แหล่งข่าวจากทำเนียบฯ เปิดเผยว่า "ร่างกม. เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์" นับเป็นร่างกฎหมายที่ถูกจัดทำขึ้น ตามการแถลงนโยบายรัฐบาล และเป็นความพยายามจากคนในรัฐบาลพรรคเพื่อไทยและ "ทักษิณ ชินวัตร"อดีตนายกฯ พยายามขายไอเดียผ่านเวทีการปราศรัย และเวทีดินเนอร์ทอล์กผ่านสื่อมาหลายต่อหลายครั้ง ในการสนับสนุน ให้นำธุรกิจใต้ดินขึ้นมาสร้างรายได้เข้าประเทศอย่างถูกกฎหมาย
รูปแบบหนึ่ง ควรมีการจัดตั้งสถานบันเทิงครบวงจร รวมถึงการจัดให้มีการเล่นกาสิโนอย่างถูกกฎหมาย
ความพยายามให้มีการตั้ง "สถานบันเทิงครบวงจร" หรือรวมถึงแนวคิด"กาสิโนเสรี" มีการพูดถึงกันมาตลอดในหลายรัฐบาลและมักถูกต่อต้านคัดค้าน ทำให้เรื่องดังกล่าวเงียบหายไป ไม่ประสบผลสำเร็จสักที
ในยุคของรัฐบาลเพื่อไทย ชุด"ครม.แพทองธาร" มอบหมายให้ "นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์" รมช.คลัง รับเป็นเจ้าภาพในการ"ยกร่างกม. เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์" รวมถึงนำรายงานผลการศึกษาการตั้งสถานบันเทิงครบวงจร จากคณะกรรมาธิการวิสามัญในสภาฯ มาพิจารณาประกอบกัน
สำหรับขั้นตอนจากนี้ หากร่างกม.ฉบับนี้ ผ่าน ครม.แล้ว จะส่งร่างฯ ให้คณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจสอบ ก่อนเสนอให้ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป โดยไม่อาจระบุได้ว่าจะแล้วเสร็จเมื่อไหร่ ซึ่งเนื้อหาสาระของร่าง พ.ร.บ.ฉบับดังกล่าว เป็นร่างฉบับเดิม ที่ผ่านการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ "นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์" รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงความคืบหน้าในการทำร่างกฎหมายสถานบันเทิงครบวงจรว่า กระทรวงการคลังได้ทำประชาพิจารณ์ ตัวร่าง พ.ร.บ.เสร็จเรียบร้อยแล้ว และเข้าใจว่ามีคนที่เห็นชอบน่าจะสูงถึง 80%
สิ่งที่ทำเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ให้มีการแก้ไขปรับปรุงใหม่คือ การจัดทำประชาพิจารณ์ โดยจะได้นำความคิดเห็นจากประชาพิจารณ์ ซึ่งมีหลายประเด็นที่ส่งความเห็นมา แล้วเป็นประเด็นที่น่าสนใจ ก็จะนำไปปรับตามนั้น จากนั้นก็มีหน้าที่ในการส่งเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.)
สำหรับร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. … ฉบับนี้ กำหนดประเภทธุรกิจสถานบันเทิงไว้ 10 ประเภท ได้แก่ 1.ห้างสรรพสินค้า 2.โรงแรม 3.ร้านอาหาร ไนต์คลับ ดิสโกเธค ผับ หรือบาร์ 4.สนามกีฬา 5.ยอชต์และครูซซิ่งคลับ 6.สถานที่เล่นเกม 7.สระว่ายน้ำและสวนน้ำ 8.สวนสนุก 9.พื้นที่สำหรับส่งเสริมวัฒนธรรมไทยและสินค้า OTOP และ 10.กิจการอื่นๆ ตามที่คณะกรรมการนโยบายประกาศกำหนด
นอกจากนั้นยังมีอัตราค่าธรรมเนียมภายใต้ร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว กำหนดว่า 1.การขอรับใบอนุญาตครั้งละ 100,000 บาท 2.ใบอนุญาตครั้งแรก ฉบับละ 5,000 ล้านบาท รายปีปีละ 1,000 ล้านบาท 3.ใบอนุญาต (ต่ออายุ) ฉบับละ 5,000 ล้านบาท รายปี 1,000 ล้านบาท 4.ใบแทนใบอนุญาต ฉบับละ 100,000 บาท และ 5.ค่าเข้าสถานประกอบการกาสิโนของผู้มีสัญชาติไทย ครั้งละ 5,000 บาท
ทั้งนี้กระทรวงการคลังยังให้เหตุผลประกอบว่า การพัฒนาสถานบันเทิงครบวงจร มีวัตถุประสงค์หลักในการแก้ปัญหาการพนันผิดกฎหมาย และเพื่อประโยชน์ด้านเศรษฐกิจของประเทศ ทำให้ประเทศไทยมีสถานที่ท่องเที่ยวระดับโลกแบบครบวงจรและเป็นผู้นำการท่องเที่ยวในภูมิภาค โดยดึงเม็ดเงินลงทุนขนาดใหญ่จากต่างประเทศในการพัฒนาสถานที่ดังกล่าว ที่สำคัญการนำธุรกิจกาสิโนและการพนันผิดกฎหมายให้เข้ามาอยู่ในระบบอย่างมีมาตรฐานภายใต้การควบคุมของกฎหมาย
จะทำให้มีการจัดเก็บรายได้และภาษีอย่างถูกต้อง และสามารถดึงเม็ดเงินนอกระบบของการพนันผิดกฎหมายจากคนไทยที่เดินทางไปต่างประเทศเพื่อเล่นการพนันให้มาใช้จ่ายภายในประเทศมากขึ้น ซึ่งการประเมินเบื้องต้นคาดว่าจะทำให้มีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 9,000-15,300 ตำแหน่ง และน่าจะสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 118,877-475,510 ล้านบาทต่อปี และรัฐบาลน่าจะมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร 12,037-39,427 ล้านบาทต่อปี