นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงภาพรวมการทำงานของรัฐบาลว่า พรรคร่วมรัฐบาลเกิดขึ้นจากการตกลงผลประโยชน์ร่วมกัน แต่พรรคเพื่อไทย ไม่สามารถกำหนดทิศทางได้ ซึ่งหลายครั้งที่พรรคภูมิใจไทยไม่เห็นด้วย จนทำให้ทิศทางของรัฐบาลไม่สามารถขับเคลื่อนได้เต็มประสิทธิภาพ ตนคิดว่า เกิดจากการจัดตั้งรัฐบาลผสมพันธุ์ข้ามขั้วตั้งแต่ตอนแรก ซึ่งส่งผลมาถึงปัจจุบัน ทำให้พรรคเพื่อไทยไม่สามารถผลักดันนโยบายที่หาเสียงไว้ได้อย่างเต็มที่อย่างการแก้ไขรัฐธรรมนูญ จะผลักดันได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับพรรคภูมิใจไทยด้วย
ส่วนในปี 2568 มีโอกาสที่รอยร้าวของพรรคร่วมฯ จะขยายขึ้น ทำให้รัฐบาลสั่นคลอนหรือล้มลงได้หรือไม่นั้น นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า มีโอกาสมาก และตนคิดว่าเวทีอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ฝ่ายค้านจะเป็นแว่นขยายทำให้เห็นรอยร้าวได้อย่างชัดเจนมากขึ้น ซึ่งเรื่องนี้รัฐบาลจัดการได้ยาก และฝ่ายค้านจะทำหน้าที่อย่างเต็มที่
ส่วนบทบาทของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีที่ช่วงหลังมีสูงมาก หลายคนเปรียบเป็นนายกรัฐมนตรีตัวจริงนั้น นายณัฐพงษ์ เห็นว่า จะเดินหน้าตรวจสอบอย่างเต็มที่เช่นกัน เพราะบทบาทของนายทักษิณเอง ที่อาจจะมีการตั้งข้อสงสัยว่าเป็นนายกรัฐมนตรีตัวจริงหรือไม่ และอยากเรียกร้องให้คุณแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ควรจะต้องเป็นนายกรัฐมนตรีตัวจริงมากกว่า แต่การแสดงออก พฤติกรรมที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นการหลีกเลี่ยงการตอบกระทู้ถามสด การไม่เป็นประธานในที่ประชุมบอร์ดคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) หรือหลีกเลี่ยงการตอบคำถามสื่อ สื่อถามคำถามแบบหนึ่ง ตอบแบบหนึ่ง จึงเป็นสิ่งที่ทำให้ตั้งข้อสงสัยคนคนนี้ ไม่ใช่นายกรัฐมนตรีตัวจริง รวมถึงลอยตัวหนีปัญหา เป็นข้อสงสัยได้ว่านางสาวแพทองธาร อาจจะขาดคุณสมบัติในการเป็นนายกรัฐมนตรี
นายณัฐพงษ์ ยังเห็นว่า สิ่งสำคัญที่สุดตอนนี้สำหรับนางสาวแพทองธาร หากอยากจะได้ความมั่นใจจากประชาชนกลับมาว่าเป็นนายกรัฐมนตรีตัวจริง ต้องยอมตอบคำถามอย่างตรงไปตรงมา แสดงความรับผิดรับชอบต่อสภา
ส่วนบนเวทีปราศรัยหลายแห่ง นายทักษิณ ปราศรัยกระทบมาถึงพรรคประชาชน เช่น ทำงานไม่เป็น ด่าเก่ง จะกระทบต่อความเชื่อมั่นของพรรคหรือไม่นั้น นายณัฐพงษ์ เห็นว่า จะต้องพิสูจน์จากการทำงานหนัก และมุมมองของนายทักษิณ อาจจะคิดว่าพรรคประชาชนไม่เคยบริหารจริง ๆ แต่อย่างน้อย นอกจากเรื่องจำนวนกฎหมายที่พรรคประชาชนเสนอมากที่สุด อีกหนึ่งสิ่งที่เห็นได้ชัดเรื่องการชะลอการรับซื้อพลังงานไฟฟ้าหมุนเวียน เป็นสิ่งที่สะท้อนต่อสังคม และเกิดผลได้จริง ซึ่งในปี 2568 ยังมีอีกหลายวาระที่พรรคฯ อยากผลักดันต่อ โดยเฉพาะการแก้ไขรัฐธรรมนูญ