นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ ที่ปรึกษาประธานกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์และโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ภาพรวมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยยังคงติดลบต่อเนื่องจากปัจจัยที่ยังเกิดขึ้นหลายอย่าง โดยพบว่าเดือน พ.ย. 2567 ที่ผ่านมา การผลิตรถยนต์ทั้งหมดทำได้ 117,251 คัน ลดลงจากเดือนเดียวกันปีที่แล้ว 28.23% และหากเทียบกับเดือน ต.ค. ปีเดียวกัน พบว่ายอดผลิตลดลง 1.34% เป็นการติดลบทั้งการผลิตเพื่อส่งออก และผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ โดยการผลิตเพื่อส่งออกลดลง 20.67% ผลิตได้ 80,022 คัน เท่ากับ 68.25% ของยอดการผลิตทั้งหมด ขณะที่การผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศลดลง 40.42% ด้วยยอด 37,229 คัน เท่ากับ 31.75% ของการผลิตทั้งหมด
สำหรับยอดผลิตสะสมช่วงเดือน ม.ค. - พ.ย. 2567 มีจำนวนทั้งสิ้น 1,364,119 คัน ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันปีที่แล้ว 20.14% เป็นการผลิตเพื่อส่งออก 941,938 คัน เท่ากับ 69.05% ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลงจากปี 2566 ระยะเวลาเดียวกัน 12.25% ส่วนการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ 422,181 คัน เท่ากับ 30.95% ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลงจากเดือนม.ค.-พ.ย. 2566 ที่ 33.48
ด้านยอดขายรถยนต์ภายในประเทศของเดือน พ.ย. มีจำนวนทั้งสิ้น 42,309 คัน ปรับตัวดีขึ้นจากเดือน ต.ค. 12.25% แต่ลดลงจากเดือนเดียวกันปีที่แล้ว 31.34% เป็นผลมาจากการเข้มงวดการอนุมัติสินเชื่อของสถาบันการเงินเนื่องจากเศรษฐกิจในประเทศที่อ่อนแอ โดยเติบโตในอัตราต่ำที่ 3% ในไตรมาส 3/2567 ขณะที่ปัญหาหนี้เสียในตลาดรถยนต์เพิ่มขึ้น 22.8% จากไตรมาส 3 ปีที่แล้ว และหนี้ครัวเรือนสูงถึง 89.6% ของ GDP ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมยังคงลดลง ยอดขายบ้านลดลงจากปีที่แล้ว รวมทั้งการลงทุนภาคเอกชนยังอยู่ในอัตราต่ำ
ด้านการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป เดือน พ.ย. มีจำนวน 89,646 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือน ต.ค. ปีเดียวกัน 6.30% แต่ลดลงจากเดือน พ.ย. ปีที่แล้ว 10% ส่วนหนึ่งเป็นเพราะฐานตัวเลขในปีที่แล้วสูง อีกทั้งปีนี้เกิดภาวะสงครามอิสราเอลกับฮามาสขยายไปหลายพื้นที่ทำให้จำนวนเที่ยวเรือขนส่งรถลดลง ขณะที่ตลาดในเอเชียหลายประเทศได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจของประเทศจีนที่ชะลอตัวลง การส่งออกตลาดเอเชีย ออสเตรเลีย ตะวันออกกลางและยุโรป อเมริกากลางและอเมริกาใต้ ลดลง ส่วนตลาดที่ขยายตัวมีแห่งเดียวคือ อเมริกาเหนือ
“รวมมูลค่าการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป เครื่องยนต์ ชิ้นส่วนอื่น ๆ อะไหล่รถยนต์ รถจักรยานยนต์ ชิ้นส่วน และอะไหล่รถจักรยานยนต์ มีทั้งสิ้น 83,857.79 ล้านบาท ลดลงจากปีที่แล้ว 13.05% โดยเดือนม.ค. -พ.ย. 2567 รวมมูลค่าการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป เครื่องยนต์ ชิ้นส่วนอื่นๆ อะไหล่รถยนต์ รถจักรยานยนต์ ชิ้นส่วน และอะไหล่รถจักรยานยนต์ มีทั้งสิ้น 942,717.96 ล้านบาท ลดลง 1.37%”
ยานยนต์ไฟฟ้าป้ายแดง (BEV) เดือน พ.ย. 2567 มียอดจดทะเบียนใหม่มีจำนวน 7,354 คัน ลดลงจากเดือนพ.ย. ปีที่แล้ว 34.86% ขณะที่ยอดสะสมเดือน ม.ค. - พ.ย. รวม 89,658 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 0.94% และรวมจดทะเบียนสะสม BEV ณ วันที่ 31 พ.ย. 2567 มีจำนวนทั้งสิ้น 220,439 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 82.61%
ด้านรถไฮบริด หรือ HEV เดือนพ.ย. จดทะเบียนใหม่ 8,409 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีที่แล้ว 11.76% หากรวมเดือนม.ค. - พ.ย. 2567 มี HEV จดทะเบียนใหม่สะสม 121,228 คัน เพิ่มขึ้น 52.37% รวมจดทะเบียนสะสมประเภท HEV ณ วันที่ 30 พ.ย. 2567 น 463,663 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 37.11%
รถป้ายแดงกลุ่มปลั๊ก-อิน ไฮบริด หรือ PHEV เดือนพ.ย. 2567 จดทะเบียนใหม่ 768 คัน ลดลงจากเดือนเดียวกันปีที่แล้ว 2.17% และยอดรวมเดือนม.ค. - พ.ย. 2567 รวม 8,851 คัน ลดลง 20.75% ส่วนยอดจดทะเบียนสะสมประเภท PHEV ณ วันที่ 30 พ.ย. 2567 มีจำนวนทั้งสิ้น 62,670 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 17.25%