22 พฤศจิกายน 2567 ที่ทำเนียบรัฐบาล ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากที่ "น.ส.แพทองธาร ชินวัตร" นายกรัฐมนตรี พูดคุยกับ"น.ส.สุชาตา ช่วงศรี" (โอปอล)"รองมิสยูนิเวิร์ส 2024"ที่เข้ามาเยี่ยมคารวะ หลังเดินทางกลับจากการประกวดที่เม็กซิโก เสร็จแล้ว และอยู่ระหว่างการถ่ายภาพร่วมกัน คณะทำงานของนายกฯ ได้แจ้งต่อนายกฯ ว่า"ศาลรัฐธรรมนูญ" มีมติ 7 ต่อ 2 ไม่รับคำร้อง "นายทักษิณ ชินวัตร" และ"พรรคเพื่อไทย" ล้มล้างการปกครอง ทำให้นายกฯ ตื่นเต้นดีใจ พร้อมบอกว่า เสร็จแล้วหรอ จบแล้วหรอ และขอดูเนื้อหาจากโทรศัพท์มือถือของเจ้าหน้าที่ ก่อนจะหันไปบอกลาและรับไหว้จากน้อง"โอปอล"
จากนั้น "นายกฯ"กลับมาดูรายละเอียดในโทรศัพท์มือถือต่อ พร้อมยิ้ม ก่อนตอบคำถามสื่อว่า จะสบายใจขึ้นใช่หรือไม่เพราะจากนี้ไปจะไม่มีเรื่องมารบกวนจิตใจในการทำงาน สามารถทำงานได้อย่างราบรื่นต่อไป ซึ่งนายกฯ อมยิ้ม นิ่งคิดสักพักก่อนตอบว่า "ดีค่ะ กำลังงง เพราะเพิ่งอ่านข้อมูลเสร็จ ก็ดีค่ะ เพราะก่อนหน้านี้ก็เป็นข่าวดีตลอดเวลา อันนี้ถือว่าเป็นข่าวดี ก็ดีใจ และจากนี้ไปจะเดินหน้าทำงานตามนโยบายต่างๆ ไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไรก็ต้องทำต่อไปอยู่แล้ว ต้องแบ่งเรื่องให้ได้ว่าเรื่องของประเทศชาติก็ต้องรับผิดชอบ เรื่องของคุณพ่อก็ได้ให้กำลังใจ"
เมื่อถามว่า "ศาลรัฐธรรมนูญ" ออกคำวินิจฉัยแบบนี้ ถือว่านายกฯ มีภูมิคุ้มกันทางการเมืองมากกว่านายกฯ คนอื่นๆ ซึ่งจะทำให้ทำงานจนครบวาระหรือไม่ "นายกฯ" ได้ชี้ที่ตัวเองพร้อมย้อนถามกลับว่านายกคนนี้หรอ แล้วตอบว่าภูมิคุ้มกันทุกคนก็คงมี แต่แบบนี้ต้องใช้พลังใจเยอะ เราต้องพยามมีสติ ใช้หลักธรรมะเวลาดีใจก็ดีใจอย่างมีสติ เสียใจก็เสียใจอย่างมีสติ ที่เห็นอยู่ตอนนี้ก็พยายามมีสติ กำลังย่อยเนื้อหาของศาลรัฐธรรมนูญอยู่
เมื่อถามว่า การที่ "นายทักษิณ ชินวัตร" อดีตนายกฯ ไปตอบคำถามบนเวที งาน Forbes Global CEO Conference ครั้งที่ 22 โดยระบุเคยอยู่มาแล้วทั้งนรกและสวรรค์ นายกฯ กล่าวว่า เห็นแต่รูปในงาน แต่ยังหาลิงก์ฟังไม่ได้ แต่คำนี้คุณพ่อพูดประจำ เขาบอกว่าเขาอายุ 70 กว่า ชีวิตนี้เห็นมาแล้วทั้งนรกทั้งสวรรค์
และเมื่อถามต่อว่า นายทักษิณได้พูดคุยปรับทุกข์หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า คุณพ่อจะพูดว่าทุกวันนี้เขามีความสุข เขาได้กลับบ้าน ได้เจอลูกเจอหลาน ถ้าไม่สบายพวกเราก็ดูแลได้ เขาพูดว่าสมัยก่อนที่อยู่เมืองนอกไม่ทราบว่าจะได้กลับเมื่อไหร่ แต่เขาพูดว่าทุกปีจะกลับ และจะพยายามไม่ป่วย ดูแลตัวเองให้ดีที่สุด เพราะเวลาไม่สบาย ตอนเป็นโควิดหนักมาก ซึ่งช่วงนั้นตนท้องลูกคนแรกก็ไม่ได้เจอ ถือเป็นช่วงเวลาที่แย่ ก็เข้าใจเขา
ส่วนจะทำให้แรงกระเพื่อมทางการเมืองนิ่ง และอยู่จนครบวาระหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า มันเป็นคนละเรื่องกัน แม้ว่าคุณพ่อจะเป็นพ่อของนายกฯ ปัจจุบัน แต่ก็ไม่เกี่ยวกัน การเมืองก็ต้องเดินหน้าต่อไป รัฐบาลก็ทำงานต่อไป แต่ก็เป็นเรื่องดี
"แต่ตัวคุณพ่อเองก็ดี เพราะสิ่งที่เขาทำไม่ได้ถูกฟ้องร้อง ทำให้ทุกคนที่ให้กำลังใจท่านอยู่ก็รู้สึกโอเคขึ้น นิ่งขึ้น"
"นายกฯ" ยังยอมรับว่า การที่ศาลรัฐธรรมนูญไม่รับวินิจฉัย จะทำให้ต่างชาติมั่นใจในเสถียรภาพรัฐบาลมากขึ้น เหมือนกับที่ตนพูดเมื่อวานนี้ ว่าเสถียรภาพเป็นสิ่งจำเป็น ซึ่งตนยอมรับความเห็นที่แตกต่าง เพราะเราเป็นคนสาธารณะอยู่แล้ว และต้องพยายามทำงานให้ครบวาระ (นายกฯ พูดผิดว่า 4 ปี) เพราะในสายตาต่างชาติ เข้าใจว่าประเทศไทยถ้าจะให้อยู่ครบ 4 ปี เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ไม่อยากให้คิดแบบนั้น ซึ่งในระบบเมื่อตั้งรัฐบาลแล้วควรทำงานให้ครบ 4 ปี อยากให้ทั่วโลกเข้าใจแบบนี้ เพราะนักลงทุนต้องคิดก็เหมือนเราที่เป็นนักธุรกิจถ้าจะเช่าร้านที่ไหนเรามีสัญญาปีต่อปีเราจะต่อสัญญาหรือไม่ก็ต้องคิดล่วงหน้า เพราะฉะนั้นความมั่นคงและเสถียรภาพของรัฐบาลจึงจำเป็นมาก