22 พฤศจิกายน 2567 ที่กองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 2 เมืองทองธานี นายวงศ์สกุล แสงชมพู ทนายความ พร้อมผู้เสียหาย ที่ถูกหลอกขายบ้านน็อคดาวน์ ผ่านโลกโซเชียล นับ 10 คน เดินทางเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับ "ห้างหุ้นส่วน จำกัด แห่งหนึ่งชื่อ ก." ที่ถูกจับในข้อหาฉ้อโกง หลังพบมีการเปลี่ยนชื่อเพจ กลับมาหลอกประชาชนอีกครั้ง โดยมี พล.ต.ต.นิพล บุญเกิด ผบก.สอท.2 เป็นผู้รับเรื่อง
น.ส.ขวัญหทัย อายุ 24 ปี ตัวแทนผู้เสียหาย ระบุว่า เราเป็นกลุ่มผู้เสียหายที่สั่งซื้อบ้านน็อคดาวน์ กับ ห้างหุ้นส่วน จำกัด แห่งหนึ่งชื่อ "ก." ซึ่งมีผู้เสียหายประมาณ 40 คน มูลค่ารวมกันนับ 10 ล้านบาท
ซึ่งจากการรวบรวมข้อมูลของผู้เสียหายรายอื่นๆพบว่าผู้ก่อเหตุมีคดีความที่ถูกดำเนินคดีและมีคำพิพากษาให้จำคุกไปแล้วเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2567 แต่ปัจจุบันยังมีผู้เสียหายบางส่วนที่ยังไม่มีความคืบหน้าทางคดีที่เคยแจ้งความไว้จึงมาติดตามคดี
สำหรับเพจของห้างหุ้นส่วนดังกล่าว จะมีทั้ง Facebook และ tiktok ถึงแม้เจ้าของจะถูกดำเนินคดีไปแล้ว แต่เพจยังคงประกาศขายบ้านน็อคดาวน์สำเร็จรูปอยู่ ซึ่งส่วนใหญ่ที่ทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อเนื่องจากขายราคาไม่แพงมาก มีแบบบ้านที่ดูดี และมีการเสนอโปรโมชั่นที่ถูกใจ
ส่วนตัวตกลงซื้อบ้านในราคา 310,000 บาท ทำสัญญา จ่าย 4 งวด และจ่าย 30% จำนวน 3 งาด และงวดสุดท้าย 10% ที่เหลือ โดยจะใช้วิธีถ่ายรูปโครงสร้างของบ้านแล้วส่งมาขอเบิกเงิน และจะทำแบบจนถึงงวดที่ 3 ซึ่งจะต้องเตรียมส่งมอบบ้าน
ก็จะอ้างไม่มีคนขนย้ายบ้าง รอช่างบ้าง สุดท้ายกลับไม่ได้บ้าน ผู้เสียหายบางรายได้บ้านน็อคดาวน์จริง แต่สภาพบ้านไม่เป็นไปตามสัญญา พอทวงถามกลับบล็อกทุกช่องทางติดต่อไป
กระทั่งกลุ่มผู้เสียหายได้มีการรวมตัวกันและเริ่มหาข้อมูล ทำให้พบว่าเจ้าของ ห้างหุ้นส่วน จำกัด แห่งหนึ่งชื่อ "ก." เป็นคนเดียวกันกับเจ้าของเพจบ้านน็อกดาวน์ "ซ." ที่ถูกพิพากษาจำคุกในคดีฉ้อโกงไปเมื่อวันที่ 24 ตุลาคมที่ผ่านมา
ก่อนจะเปลี่ยนเป็นชื่อ "ก." และยังพบว่าเงินที่โอนค่าสร้างบ้าน มีการถ่ายเทไปยังบัญชีคนในครอบครัว จึงต้องการให้ตำรวจรวบรวมหลักฐานเพื่อดำเนินคดีบุคคลในที่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย
ด้าน พล.ต.ต.นิพล บุญเกิด ผบก.สอท.2 ระบุว่า เบื้องต้น ทราบว่ามีผู้เสียหายถูกหลอกลวงเป็นจำนวนมาก และหลายพื้นที่ และบางรายยังไม่ได้มีการแจ้งความในระบบแจ้งความออนไลน์ 1441 ซึ่งยืนยันว่าผู้เสียหายสามารถแจ้งความในทุกพื้นที่ได้ ซึ่งหากมีความเชื่อมโยงกันหลายคดีก็จะมีการพิจารณารวบรวมผู้เสียหาย
จากนั้นจะมีการมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อไป ในส่วนมีความเชื่อมโยงกับผู้ต้องหารายคดีเดิมจะมีการรวมคดีหรือไม่ การกระทำผิดที่มีผู้เสียหายเยอะๆ ส่วนนี้ต่างกรรมต่างวาระ สามารถแยกดำเนินคดีได้หรือหากพบว่ามีผู้เสียเยอะมากๆก็จะเข้าข่ายฉ้อโกงประชาชนก็จะแยกเป็นอีกคดี