"ทวี" ย้ำชัด คำสั่ง"ศาลฏีกาฯ"ปมที่ดิน"เขากระโดง" เป็นของ"การรถไฟฯ"

10 พฤศจิกายน 2567 "พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง" รมว.ยุติธรรม กล่าวถึงกรณีข้อพิพาทเขากระโดงกับการรถไฟ ที่ล่าสุด กรมที่ดินไม่ได้เพิกถอนโฉนดเขากระโดง โดยอ้างว่า ไม่ใช่ที่ของรฟท.  แต่ตอนนี้เริ่มมีนักวิชาการออกมาพูดว่าคำสั่งทางปกครองของของกรมที่ดิน ใหญ่กว่าคำพิพากษาศาลฎีกา และขัดกันชัดเจน

โดยเรื่องนี้ "พ.ต.อ.ทวี" เปิดเผยว่า คำสั่งศาลฎีกา ในประเทศไทยถือว่าศาลฎีกาสูงสุด ถ้าจะเปลี่ยนคำวินิจฉัยของศาลฎีกา ต้องให้ศาลฎีกาเปลี่ยนคำวินิจฉัย

"จะไม่มีใครใหญ่กว่าคำพิพากษาศาลฎีกา ในเรื่องของคณะกรรมการฯก็ต้องไปตรวจสอบดู แม้แต่ศาลปกครองก่อนที่จะไปถึงตามมาตรา 66 ชี้ว่าที่ดินแห่งนี้เป็นที่ดินของรัฐอยู่แล้ว เราต้องอยู่ในหลักนิติธรรม หลักนิติธรรมต้องมีข้อยุติ เมื่อคำพิพากษาถึงที่สุดคือศาลฎีกา ก็ต้องยุติตามนั้น"

 

"รมว.ยุติธรรม" กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ใช่ศาลฎีกาอย่างเดียว  กฤษฎีกา ก็วินิจฉัยแล้ว ป.ป.ช.ก็วินิจฉัยแล้ว ก็ถือว่าสิ้นสุด ที่สำคัญมีการบังคับคดีและยึดที่คืน โดยศาลฎีกาวินิจฉัยว่าที่ 5,083 ไร่ เป็นที่ดินของการรถไฟ ก็เป็นเรื่องของการรถไฟที่ต้องดำเนินการต่อ 

นอกจากนี้ "พ.ต.อ.ทวี" ยังเปิดเผยถึง กรณี "นายทักษิณ ชินวัตร" อดีตนายกรัฐบาล ซึ่งจะเดินทางมาปราศรัยช่วยผู้สมัครนายกอบจ.อุดรธานี ของพรรคเพื่อไทย ระหว่างวันที่ 13-14 พ.ย. นี้ ว่า สามารถกระทำได้ เพราะตอนนี้ไม่มีดคีที่อยู่ในกระทรวงยุติธรรมแล้ว ท่านก็เหมือนเป็นประชาชนคนหนึ่งเป็นสิทธิ์ที่สามารถกระทำได้ เชื่อว่าประชาชนสามารถแยกแยะได้

การจะตัดสินใจเลือกใครเพราะต้องดูนโยบายเป็นหลัก การที่ท่านมาเป็นผู้ช่วยหาเสียงก็ไม่มีกฎหมายห้าม ส่วนเรื่องความเหมาะสมแล้วแต่คนมอง เป็นเรื่องธรรมดา แม้แต่โดนนัลทัมป์ หรือ อีลอนด์มัสค์ ในช่วงเลือกตั้งก็ไปหาเสียง ใครสนับสนุนใครก็ต้องไปหาเสียง ส่วนตัวมองว่าเป็นโอกาสของประชาชนที่ได้รับรู้ว่าแต่ละพรรคการเมืองมีนโยบายอะไรบ้าง 

ส่วนกรณีที่ประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร โดยมี นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) เป็นประธาน กมธ. ทำหน้าที่ประธานการประชุม หารือกรณีการพักรักษาอาการป่วยของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ มีความถูกต้องตามกระบวนการยุติธรรมหรือไม่ นั้น 

พ.ต.อ.ทวี ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ยอมรับว่าไม่หนักใจในเรื่องนี้ พร้อมกับเปิดเผยว่า ตอนนี้มีคนกลุ่มหนึ่งซึ่งไม่มีหน้าที่มาสอบสวนแทน คนที่มีหน้าที่โดยตรงคือป.ป.ช. ทางกระทรวงยุติธรรมได้ให้หลักฐานหมดไปแล้ว แต่คนที่ไม่มีหน้าที่โดยตรงพยายามเอาเรื่อง และหรือวรรคตอน เอาไปใช้แล้วมาสื่อสาร เมื่อเรื่องเข้าสู้กระบวนการขององค์กรอิสระแล้ว ไม่ว่าจะเป็นป.ป.ช. ผู้ตรวจการแผ่นดิน หรือองค์การสิทธิมนุษย์ชนฯ ถ้าเรื่องไหนเข้าเรื่องใครก่อน องค์กรใดองค์กรหนึ่งจะนำมาสืบสวนสอบสวนไม่ได้ แต่วันนี้กำลังเอาเรื่องซ้ำกันมาพูดอีก โดยเรื่องนี้ กรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม ได้มีการชี้แจงกรรมาธิการตำรวจแล้ว ในหัวข้อเดียวกัน และกรรมาธิการตำรวจก็ได้ยุติเรื่องแล้ว แต่ก็มีกรรมาธิการอีกชุดหนึ่งมาสอบสวนอีก ซึ่งขณะนี้ได้ให้กรมราชทัณฑ์ดูว่าประเด็นซ้ำกันหรือไม่ เป็นการกระทำเพื่อเจตนาจะเอาความจริงหรือเจตนาจะมาทำลายทางการเมือง หรือจะนำมาเพื่อสร้างชื่อเสียงทางการเมือง เป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วง