svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

ชายแดนใต้ไม่สงบต่อเนื่องเกิดเหตุ บึ้มปัตตานี คนร้ายบุกปล้นรถกระบะ

เกิดเหตุต่อเนื่องชายแดนภาคใต้ คนร้ายวางระเบิด -บุกปล้นรถกระบะพื้นที่ ปานาเระ ปัตตานี หลังช่วงเย็นวันเดียวกัน เกิดเหตุลอบวางระเบิดทหารพราน ที่ ระแงะ นราธิวาส คาดโยง"คดีตากใบ"จะหมดอายุความ

24 ตุลาคม 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 00.20 น.เกิดเหตุระเบิดบริเวณซอยข้าง อำเภอปะนาเระ บ.นาพร้าว ม.2 ต.ปะนาเระ อ.ปะนาเระ ฯ และ สภ.ปะนาเระ บ.นาพร้าว ม.2 ต.ปะนาเระ อ.ปะนาเระ ฯ เบื้องต้นทรัพย์สินของทางราชการได้รับความเสียหาย ยังไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต รายละเอียดเพิ่มเติมจะรายงานให้ทราบต่อไป

ขอบคุณภาพ จาก เพจ ThePoligensNews

ต่อมา เมื่อเวลา 01.05 น. ได้รับรายงานว่า ที่ "องค์การบริหารส่วนตำบลบ้านน้ำบ่อ" จ.ปัตตานี  เกิดเหตุคนร้ายประมาณ 8 -10 คน ก่อเหตุปล้นรถยนต์ มิตซูบิชิ ไททัน 4 ประตู สีเทา ทะเบียน กค 4052 ปัตตานี จากองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านน้ำบ่อ ม.2 ต.บ้านน้ำบ่อ อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี โดยขณะเกิดเหตุมีลูกจ้างฯ ของ อบต. เข้าเวร-ยาม อยู่จำนวน 4 คน ถูกคนร้ายจับมัด และนำรถดังกล่าวไป 

ทั้งนี้ สาเหตุจากการตรวจสอบเบื้องต้น  อยู่ระหว่างการสอบสวน คาดว่า เป็นการก่อเหตุสร้างสถานการณ์

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ เมื่อช่วงเย็นของวันเดียวกัน เกิดเหตุความไม่สงบที่ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส โดย"พ.ต.อ.อาภากร วิรูปักษ์อารักษ์" ผกก.สภ.ระแงะ จ.นราธิวาส รับแจ้งมีเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดเจ้าหน้าที่ทหาร ชุดจรยทธ์ สังกัดกองร้อย ทพ.4515 ที่บริเวณรอยต่อบ้านกูจิงลือปะ กับบ้านบาโงลูโบ๊ะอาแน ม.7 ต.เฉลิม อ.ระแงะ ทำให้เจ้าหน้าที่ทหารได้รับบาดเจ็บ 3 นาย จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ ก่อนที่จะระดมกำลังตำรวจจำนวนหนึ่ง รุดเดินทางไปยังจุดเกิดเหตุ แต่ด้วยทัศนวิสัย 2 ข้างเป็นป่าเปลี่ยว เจ้าหน้าที่จึงได้จอดรถสังเกตการณ์ ห่างจากจุดเกิดเหตุ ประมาณ 200 เมตร

 

 

เกิดเหตุ คนร้ายลอบวางระเบิดทหารพราน ที่ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส เมื่อช่วงเย็นวันที่ 23 ต.ค.67

พบจุดเกิดเหตุเป็นทางโค้ง โดยบริเวณกลางถนน มีลักษณะเป็นท่อลอด และเป็นจุดที่คนร้ายลอบวางระเบิด จนท่อลอดได้รับความเสียหาย ผิวถนนถูกอนุภาพของระเบิด เป็นหลุมลึกประมาณ 1 เมตร กว้าง 2 เมตร บางส่วนได้กระเด็นกระจัดกระจายบนผิวถนนและป่ารกทึบริมทาง

นักวิชาการคาดจะเกิดเหตุสร้างสถานการณ์

ก่อนหน้านี้ "นายศรีสมภพ จิตร์ภิรมย์" สถาบันสันติศึกษา มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อพิจารณาศึกษาและเสนอแนวทางการส่งเสริมกระบวนการสร้างสันติภาพเพื่อแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยถึงวันที่ 25 ตุลาคม 2567 ซึ่งจะครบกำหนด ขาดอายุความ คดีเหตุการณ์ตากใบ จ.นราธิวาส แต่ขณะนี้ ภาครัฐ ยังไม่สามารถติดตามจำเลยที่เป็นอดีตแม่ทัพภาค4 เจ้าหน้าที่รัฐ เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เพื่อเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมได้ว่า

หากจำเลยยังไม่เดินทางมาศาลก่อนเที่ยงคืนวันที่ 25ตุลาคม มาได้นั้น คงจะเกิด 1. เกิดความไม่สงบ มีการก่อเหตุต่างๆ ก็มีความเป็นไปได้ อาจจะมีเหตุการณ์มากขึ้น ในเชิงสัญลักษณ์ ตั้งแต่ต้นปี2567 เป็นต้นมา มีเหตุการณ์เกิดขึ้นสูงถึง ถี่ขึ้นหากเทียบกับปีที่แล้ว ดังนั้นหากผ่านวันที่ 25 ต.ค.ไปแล้ว อาจจะมีปฏิบัติการ การแสดงออกของประชาชนที่ไม่พอใจต่อกรณีตากใบ ส่วนจะขยายตัวไปอีกหรือไม่ ยังคาดเดาไม่ได้ 


ถ้ารัฐบาลพลิกสถานการณ์ มีมาตรการรองรับกระบวนการทางสันติภาพ พูดคุยกับประชาชน ผู้ที่ได้รับผลกระทบ ครอบครัวผู้สูญเสีย ร่วมกันแสวงหาข้อเท็จจริง ถอดบทเรียน แม้จะผ่านวันที่ 25ต.ค.ไปแล้ว แต่การมาพูดคุย โดยเชิญฝ่ายต่างๆที่เกี่ยวข้องมาพูดคุย โดยไม่มีผลทางคดี คนที่เกี่ยวข้องอาจจะพูดอะไรได้มากขึ้น
แต่ยังเชื่อว่า ความผิดเชิงสังคมยังลบล้างได้ยาก ต้องใช้เวลาในการลบความรู้สึกของประชาชน ผมยังมองว่า รัฐบาลแพทองธาร ควรแสดงออกถึงความจริงใจ ในการทำให้เกิดสันติสุข สันติภาพในพื้นที่3จังหวัดภาคใต้ 

ผมก็เป็นหนึ่งใน คณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อพิจารณาศึกษาและเสนอแนวทางการส่งเสริมกระบวนการสร้างสันติภาพเพื่อแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ สภาผู้แทนราษฎร มีความรู้สึกว่า ท่าทีของรัฐบาล ต่อแนวทางการพูดคุยสันติภาพ ไม่มีความชัดเจนเลย ซึ่งรัฐบาลควรจะแสดงท่าทีที่ชัดเจน หรือแนวทางในการพูดคุยได้หรือไม่ 

ตอนนี้ยังไม่เห็นการแต่งตั้งคณะพูดคุย ยังว่างอยู่ ยังหาคนมาเป็น หัวหน้าคณะพูดคุยไม่ได้ ซึ่งนางสาวแพทองธาร ควรจะออกมาพูดคุยให้ชัดเจน เพื่อแสดงเจตจำนงทางการเมือง 

สิ่งที่รัฐบาลยังพอทำได้คงต้องเน้นย้ำเรื่องของการขอโทษต่อญาติพี่น้อง ผู้สูญเสีย เพราะการขอโทษ เป็นเรื่องที่สำคัญมาก รัฐบาลพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ เคยกล่าวคำขอโทษ แม้นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะเคยกล่าวคำขอโทษใน คลับเฮ้าส์ แต่ไม่ใช่การพูดอย่างเป็นทางการ 

ดังนั้นรัฐบาลแพทองธาร ควรแสดงออกในทางการเมืองทั้งการกล่าวคำขอโทษ และ เน้นย้ำถึงการหาแนวทางการแก้ไขปัญหาภาคใต้ตามแนวทางสันติภาพให้ได้ว่า รัฐบาลจะทำอย่างไรบ้าง ส่วนที่มีข้อเสนอให้รัฐบาล ใช้ช่องทางการออกพ.ร.ก. ทำให้คดีตากใบ ไม่มีอายุความ 
เรื่องนี้ก็อยู่ที่เจตนาทางการเมือง แต่รัฐบาลคงจะไม่เลือกทางนี้ 

เมื่อถามว่า มีความกังวล หากผ่านวันที่ 25ตุลาคม ไปแล้ว การก่อเหตุจะขยายวงนอกไปจากพื้นที่ 3 จังหวัดภาคใต้หรือไม่ นักวิชาการสถาบันสันติศึกษา กล่าวว่า คงเป็นไปไม่ได้ บางครั้งที่เคยเกิดเหตุในกทม. ก็ไม่มีผลอะไร คนที่มาทำมาก่อเหตุก็โดนจับ และกลไกป้องกันของรัฐบาล หากมีการมาทำ ตามจับได้หมด เขาคงไม่เลือกวิธีนี้ แต่ถ้าก่อในภาคใต้ มีมวลชนสนับสนุนน่าจะเป็นไปได้ ก่อเหตุที่อื่นไม่คุ้ม สำหรับผลกระทบทางการเมืองไม่คุ้ม และคนกรุงเทพ ไม่ยอมรับในการใช้วิธีความรุนแรง การก่อเหตุในกทม.คงไม่ใช่เป้าหมายของเขา 

ภาครัฐ อาจจะมองคดีตากใบ 25ตุลาคม ทำให้เรื่องเงียบไป แล้วคนจะค่อยๆลืมกันไปเองก็มีแนวคิด 2 ทฤษฎี ถ้าไปทำตามข้อเรียกร้องมากไป อย่างที่ผ่านมาไปพูดคุย ยอมตามข้อเรียกร้อง ไปตอบสนอง จะเข้าทางขบวนการก่อความไม่สงบ มองว่ารัฐบาลไม่เข้มแข็ง อ่อนแอ อำนาจรัฐอ่อน จะเข้าทางเขา

"นายศรีสมภพ จิตร์ภิรมย์" สถาบันสันติศึกษา มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อพิจารณาศึกษาและเสนอแนวทางการส่งเสริมกระบวนการสร้างสันติภาพเพื่อแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ สภาผู้แทนราษฎร


"เชื่อว่า ไม่น่ามี ทางฝ่ายรัฐคงวางแนวป้องกันไว้ดีมาก แต่จะเกิดเหตุเชิงสัญลักษณ์ เป็นจุดๆคงเป็นไปได้ ทางรัฐ ก็พยายามปิดพื้นที่ ปิดช่องว่าง โดยทางการข่าวของภาครัฐ แต่ก็อาจจะมีบ้างที่มีช่องว่าง โดนโจมตีเป็นจุดๆ แต่จุดใหญ่ๆคงทำได้ยาก ในระยะหลังถ้าก่อเหตุในพื้นที่ สถานที่ทางเศรษฐกิจ ตลาด หรือ สถานที่ประชาชนอยู่เยอะๆ ตอนหลังเขาก็ไม่ทำ ถ้าทำไปก็เสียแนวร่วม ไปด้วย และถ้ามีการก่อเหตุ มีเหตุแรงๆ ก็จะทำให้พูดคุยสันติภาพไม่ได้ ดังนั้นในเหตุใหญ่ๆแรงๆ เชื่อว่าไม่น่ามี"  นายศรีสมภพ จิตร์ภิรมย์ สถาบันสันติศึกษา มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์  กล่าวย้ำกับเนชั่นทีวี