ที่อาคารรัฐสภา นายษิทรา เบี้ยบังเกิด (ทนายตั้ม) ยื่นหนังสือถึงนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา เพื่อขอให้ตรวจสอบและปลดนายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ออกจากคณะกรรมาธิการทุกคณะ หลังปรากฎมีเสียงคล้าย คนในคลิปเรียกรับผลประโยชน์ผู้บริหารดิไอคอน ซึ่งเบื้องต้น ตรวจสอบแล้ว มีอยู่เกือบ 10 คณะ ที่นายสามารถ เป็นกรรมาธิการ อาทิ ที่ปรึกษากรรมาธิการการแรงงาน , ที่ปรึกษาอนุกรรมาธิการศึกษาการส่งเสริมคุณภาพชีวิต ตั้งแต่ตั้งครรภ์จนถึง 6 ปี ,กรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บภาษี สรรพสามิต , และเป็นโฆษกอนุกรรมาธิการศึกษาหนี้นอกระบบ
ทั้งนี้ นายษิทรา กล่าวว่า เท่าที่ทราบตอนนี้นายสามารถ ยังอยู่ไทย แต่ไม่กล้าออกมาตอบคำถามพี่น้องสื่อมวลชน เพราะแค่เสียงตัวเอง ยังไม่กล้ายอมรับเลย และเท่าที่ดูเรื่องของนายสามารถ ก็ยังมีให้คนอื่นไปเรียนแทน และตนก็ไม่รู้ว่ากลับมาได้อย่างไร เพราะเคยออกจากพรรคพลังประชารัฐไปแล้ว
ส่วนคนที่อยู่เบื้องหลังนายสามารถ มีใครที่อยู่ระดับสูงกว่านี้หรือไม่ นายษิทรา กล่าวว่า ก็รู้กันอยู่ ว่า เขาสนิทสนมกับใคร นั่นก็คือหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เป็นผู้มีบารมีค่อนข้างสูง
ส่วนที่พรรคพลังประชารัฐปลดนายสามารถออกจากรองโฆษกพรรค นายษิทรา กล่าวว่าเป็นสิ่งที่ควรทำตั้งนานแล้ว ไม่ใช่ตนเข้าไปร้องและเห็นผู้สื่อข่าวเยอะ ก็เพิ่งดำเนินการ พรรคควรทำตั้งแต่ก่อนที่จะมีคนไปร้องด้วยซ้ำ เพราะมันเป็นการแสดงถึงความรับผิดชอบต่อสังคม
เมื่อถามว่าที่ผ่านมานายสามารถ ขู่ทุกคนว่าจะฟ้องกลับ หากมีการเอ่ยชื่อเขา แต่ทนายตั้มเป็นคนแรกที่กล้าเอ่ยชื่อถือเป็นการเปิดหน้าชนเลยหรือไม่ นายษิทรา กล่าวว่า
"มีขู่มาตลอด ถ้าใครเอ่ยชื่อเขา จะฟ้อง วันนี้ตนจะขอเอ่ยชื่อเขา 3 ครั้ง นายสามารถ นายสามารถ นายสามารถ จะฟ้องผม กี่ครั้งก็ฟ้องมาจากครับ เพราะเรื่องนี้ฟังจากคลิปเสียงแล้ว ผมคิดว่าสิ่งที่ผมทำเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ ต่อส่วนรวม คนประเภทแบบนี้ ตบทรัพย์เขา ไม่ควรจะอยู่ทำงานเกี่ยวกับการเมืองเลย พอเรื่องเงียบก็ชุบตัว แล้วกลับมาใหม่ มาในตำแหน่งใหม่ คลิปเสียงผมให้ใครฟังแล้ว ก็บอกว่าเป็นนายสามารถ บางคนไม่อยากออกสื่อเพราะกลัวจะ เดี๋ยวผมจะขอพยานที่เขาสมัครใจ อย่างพี่สิระ เจนจะคะ น่าจะเป็นเพื่อนรักกัน เขาถึงจำเสียงได้แม่นเลย"
ส่วนเขามี Power จริงหรือแอบอ้าง นายษิทรา กล่าวว่า ตัวเขาอยู่ใกล้ผู้หลักผู้ใหญ่ เขาก็น่าจะมี Power และเขาคงจะมีผู้ใหญ่ให้ท้าย เพราะถ้าไม่มีผู้ใหญ่ให้ท้ายเขาคงไม่ปีกกล้าขาแข็ง ถึงขนาดนี้ ถึงขนาดไปเรียกเงินจากบอสพอล ให้ดูแลเป็นรายเดือน นี่เป็นแค่กรณีเดียวและยังมีอีก ซึ่งหากใครถูกเรียกค่าดูแลขอให้แจ้งตนได้เลย ตนพร้อมจะจัดการให้ ซึ่งการขับนายสามารถออกจากรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ ตนก็ไม่แน่ใจว่าเป็นการขับเพื่อลดแรงกระแทก จากคนที่สนใจข่าวนี้หรือไม่ แต่ตนคิดว่า ถ้าเรื่องเงียบ นายสามารถกลับมารอบนี้เป็นหัวหน้าพรรคจะทำอย่างไร ทุกอย่างเป็นไปได้หมด ฉะนั้นการพรรคขับเขาออกแล้ว ก็ต้องตรวจสอบเรื่องนี้ให้ชัดเจนด้วย ว่า มีการรีดเงินจริงหรือไม่
เมื่อถามว่าจะสาวไปถึงบิ๊กบอสทางการเมืองตัวจริงหรือไม่ นายษิทรา ร้อง "โหย ถ้าจะเอาจริงก็คงเป็นเรื่องยาก ถ้าเขามีพฤติกรรมอย่างว่าจริง และถ้าต้องเอาเงินไปให้คนที่อยู่สูงกว่า เขาก็คงไม่รับสารภาพ เพราะจะไปถึงบิ๊กบอสได้ตัวไหนสามารถเองต้องรับสารภาพ "
นายษิทรา ยังขายหนังตัวอย่างว่า วันจันทร์นี้ จะไปยื่นถึงนายสามารถอีก แต่ขออุปไว้ก่อน ว่าเป็นที่ไหน
ด้านนายมุข สุไลมาน เลขานุการ ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นผู้มารับหนังสือแทน กล่าวว่า ตอนนี้ประธานรัฐสภา ได้สั่งให้ประธานกรรมาธิการทุกคณะ ตรวจสอบบุคคลที่ เข้ามาดำรงตำแหน่งในกรรมาธิการทุกตำแหน่ง เพื่อไม่ให้ใช้ตำแหน่งดังกล่าวไป หลอกลวงพี่น้องประชาชน ซึ่งหากยังพบว่ามีประเด็นดังกล่าว คนที่ต้องมีส่วนรับผิดชอบคือ "ประธานกรรมาธิการ" และหลังจากนี้ก็จะดำเนินการตรวจสอบเรื่องของการใช้ตำแหน่งหน้าที่ โดยมิชอบอย่างเข้มข้นต่อไป