svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

"อธ.กรมขนส่งฯ" แจง “กมธ.คมนาคม” พบถังก๊าซต่อเติมท่อรั่ว ต้นตอรถบัสมรณะ

"อธ.กรมขนส่งฯ" ขนคณะ แจง “กมธ.คมนาคม” พบถังก๊าซที่ต่อเติมท่อรั่ว ต้นตอบัสมรณะ ผลสอบสวนยางไม่แตกแต่เพลาหักครูดถนน ยอมรับมีอีกคันติดตั้งเกินแบบเดียวกัน ยันหากสอบสวนเจอตัวการ เอาผิดตามกฎหมาย

ที่อาคารรัฐสภา ในการประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การคมนาคม สภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม สส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย เป็นประธาน กมธ. วันนี้มีวาระสำคัญในการหารือกรณีรถบัสนักเรียนจังหวัดอุทัยธานีไฟไหม้ ซึ่งเป็นเรื่องที่แทรกเข้ามาเร่งด่วน มีการเชิญนายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก และคณะมาชี้แจงถึงสาเหตุรวมถึงแนวทางการแก้ปัญหาในอนาคต

โดยนายจิรุตม์ กล่าวแสดงความเสียใจกับผู้สูญเสีย พร้อมไล่เรียงเหตุการณ์ข้อเท็จจริง ว่า วันเกิดเหตุตนได้ลงพื้นที่ไปหลังจากเพลิงสงบแล้ว และได้นำวิศวกรผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบตัวรถตั้งแต่เวลา 17.00 น.

ด้านนายชีพ น้อมเศียร ผู้อำนวยการ (ผอ.) สำนักวิศวกรรมยานยนต์ ระบุว่า จากการตรวจสภาพรถพบว่า ประตูด้านหลังฝั่งขวา คันโยกที่ใช้เปิดปิดภายในตัวรถยังใช้งานได้ปกติ และรถที่เกิดเหตุเป็นรถโดยสารชั้นเดียว พื้นที่ด้านล่างใช้เก็บสัมภาระ นอกจากนี้ ยังพบว่าล้อรถไม่ได้มีการระเบิด ซึ่งพบถังก๊าซ 11 ถัง และมีท่อก๊าซหลุดเป็นเหตุให้เกิดก๊าซรั่ว รวมถึงพบว่าเพลาล้อหน้าหักครูดกับถนน ซึ่งอยู่ระหว่างกรมการขนส่งทางบกกับกองพิสูจน์หลักฐานร่วมกันวิเคราะห์สรุปหาสาเหตุที่แท้จริงของการเกิดเหตุเพลิงไหม้ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะแถลงให้ทราบต่อไป

ต่อมา นายจิรุตม์ ได้เปิดเผยว่ากระทรวงคมนาคมได้มี 5 ข้อสั่งการ ได้แก่ 1.สั่งการให้เรียกรถโดยสารสาธารณะทั้งประจำทางและไม่ประจำทางที่ใช้ก๊าซ CNG มาตรวจสภาพภายใน 60 วัน จำนวน 13,426 คัน 2.ยกระดับมาตรฐานการประกอบการขนส่งรถโดยสารไม่ประจำทางทั้งระบบ ซึ่งมีความหละหลวมมากกว่ารถโดยสารประจำทาง 3.ประสานงานกับกระทรวงศึกษาธิการและสถานศึกษาทั่วประเทศ เพื่อขอความร่วมมือกรณีมีความจำเป็นต้องใช้รถนำนักเรียนหรือผู้สูงอายุนอกพื้นที่ ให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบความปลอดภัยของรถก่อนเดินทางทุกครั้ง 4.ออกกฎหมายเพิ่มเติมเงื่อนไขในการออกใบอนุญาตให้มีพนักงานประจำรถ ที่ผ่านการอบรมหลักสูตรการเผชิญเหตุและการช่วยเหลือผู้โดยสารในเหตุการณ์วิกฤติ 5.ออกกฎหมาย เพื่อให้ผู้ประกอบการต้องแนะนำข้อมูลและแนวทางเผชิญเหตุฉุกเฉินในการใช้บริการเหมือนบนสายการบิน

โดยภายในห้องประชุมกรรมาธิการ ได้มีการตั้งคำถาม ซึ่งนายพีระเดช ศิริวันสาณฑ์ สส.นครสวรรค์ พรรคภูมิใจไทย และนายชัชวาล อภิรักษ์มั่นคง สส.ขอนแก่น พรรคประชาชน ได้ซักถามถึงการตรวจสอบจำนวนถังก๊าซภายในรถ ที่พบว่ามีถึง 11 ถัง อีก 5 ถังที่เกินมา ได้เพิ่มเข้ามาในขั้นตอนไหน การตรวจสภาพรถเป็นการตรวจทิพย์หรือไม่ เป็นไปได้อย่างไรที่ผู้ตรวจสอบสภาพรถจะไม่เห็นจำนวนถังที่เกินมา รวมถึงการจดทะเบียนครั้งแรกตั้งแต่ปี 2513 และมีการจดทะเบียนอีกครั้งในปี 2561 ได้มีการดัดแปลงสภาพไปมากเพียงใด

“ปี 2513 ผมยังไม่เกิดเลย มีอะไรคงเดิมบ้างในรถคันนี้ และเราต้องนับอายุของรถจากเวลาใดกันแน่” นายพีระเดช กล่าว 

ขณะที่อธิบดีกรมขนส่งทางบก ยืนยันว่ามีการติดตั้งถังก๊าซเกินกว่าที่จดทะเบียนไว้ 5 ถัง จากที่จดทะเบียนไว้ 6 ถังรวมเป็น 11 ถัง ซึ่งขณะนี้คณะกรรมการของกรมและเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังตรวจสอบเรื่องนี้  เพื่อดูว่าใครจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบ

จากนั้น นายจิรุตม์ ได้ให้นายชีพ อธิบายเหตุการณ์และข้อมูลเพิ่มเติมว่า รถคันที่ประสบเหตุถังที่รั่วไหลเป็นถังหมายเลข 8 ซึ่งไม่ได้อยู่ในรายการตรวจสอบของวิศวกร ถังที่ได้รับการตรวจสอบ มีเพียงครั้งที่ 1-6 ซึ่งทางหมายเลข 8 เป็นถังที่อยู่นอกระบบ ซึ่งต้องเป็นการพิสูจน์หลักฐานของตำรวจต่อไป

นายชีพ ยังกล่าวว่า ในส่วนของผู้ประกอบการบริษัทชินบุตร พบว่า ใบผู้ประกอบการขนส่ง มีรถในกำกับดูแล 2 คัน ซึ่งหนึ่งในนั้นคือคันที่ประสบอุบัติเหตุ เบื้องต้นทางกรมการขนส่งได้ระงับใบประกอบอนุญาต เพราะรถอีกคันก็ไม่สามารถใช้งานได้ และอยู่ระหว่างการตรวจสอบเพราะมีลักษณะรถที่ใกล้เคียงกัน ซึ่งขนส่งจังหวัดได้ออกคำสั่งให้เอารถมาตรวจ ที่จังหวัดลพบุรี เพราะมีเครื่องมือที่พร้อมกว่าซึ่งคาดว่าน่าจะนำเข้ามาตรวจประมาณ14.00 -15.00 น.

ด้านนายจิรุตม์ กล่าวเสริมว่า คนที่ต้องรับผิดชอบในเรื่องถังก๊าซเกินจำนวน ประกอบด้วย 1.ผู้ประกอบการหรือเจ้าของรถ เบื้องต้นได้มีการพักใช้ใบอนุญาตจนกว่าผลสอบสวนจะออก 2.คนขับรถ ให้พักใบอนุญาตจนกว่าจะสอบสวนเสร็จ ถ้ามีความผิดก็เพิกถอนใบอนุญาต 3.วิศวกรผู้ตรวจสอบถังแก๊ส ระงับการดำเนินการทั้งหมด 4.บุคลากรจัดการด้านความปลอดภัยในการขนส่ง (TSM) กรมได้ให้หยุดปฏิบัติหน้าที่และดึงตัวเข้ามาทำงานที่กรมการขนส่งทางบก ซึ่งผิดหรือไม่ผิดก็ต้องมาดูกัน โดยในบริษัทชินบุตร ทราบว่าเป็นบุคคลในครอบครัวเดียวกัน กับผู้ประกอบการ ก็ได้มีการเพิกถอนระงับใบอนุญาตเป็นผู้จัดการด้านความปลอดภัยแล้ว เพราะมีความบกพร่องในหน้าที่ที่ปล่อยให้เกิดเหตุได้

อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดอยู่ระหว่างการสอบสวน หากพบว่ามีความผิด ในเรื่องของคำสั่งปกครอง ก็ต้องดำเนินการไปตามกฎหมาย ในคดีอาญาก็ดำเนินการไปถ้าเจ้าหน้าที่มีความผิดกรมก็ดำเนินการทางวินัยต่อไป ส่วนของเอกชนก็จะต้องโดนทั้งแพ่งทางอาญา ส่วนโทษทางปกครองก็คือ ต้องถอนใบอนุญาตประกอบการ ถอนใบอนุญาตขับรถ ถอนใบรับรองการติดตั้งก๊าซ ถอนการเป็นผู้จัดการด้านความปลอดภัย

ช่วงหนึ่ง นายพีระเดช ทักท้วงว่า สิ่งที่ถามไปยังไม่ได้รับคำตอบ ที่ถามว่ารถคันนี้จดทะเบียน 2 ครั้ง ต้องเริ่มนับตั้งแต่ปีไหน ทำให้ นายชีพ ได้ชี้แจง ว่า รถจดทะเบียนครั้งแรกเมื่อปี 2513 และมีการจดทะเบียนอีกครั้งในปี 2561 ซึ่งระยะเวลาค่อนข้างจะยาวนาน ด้วยหลักเกณฑ์ที่รถสามารถ ยังใช้งานอยู่ได้จนถึงปัจจุบันนี้ 54 ปีนั้น เพราะในระหว่างนี้ได้มีการจดทะเบียนเป็นรถประเภทอื่นๆ ไว้ และเมื่อมีการดัดแปลงคลัสซีถือเป็นตัวหลักของรถ เปรียบเสมือนกระดูกสันหลังของคน เมื่อใช้งานไประยะหนึ่ง ตัวถังผุกร่อนไม่สามารถใช้งานได้ เจ้าของก็จะไปแจ้งเปลี่ยนแปลงโดยนำรถคันดังกล่าวไปที่อู่ต่อรถ หรืออู่ปรับปรุงรถ สิ่งที่ยังคงอยู่คือโครงคลัสซีรถ และนำเครื่องยนต์ที่มีประสิทธิภาพที่ดีกว่าใส่เข้าไป เปลี่ยนตัวถังเปลี่ยนเก้าอี้และติดตั้งอุปกรณ์ปรับอากาศ หากมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงแล้ว เจ้าของรถก็จะให้วิศวกรตรวจสอบความมั่นคงแข็งแรงเพื่อจะนำมาตรวจสภาพและจดทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบกได้ ส่วนประตูฉุกเฉินได้มีการให้มีการตรวจรถสาธารณะปีละ 2 ครั้ง

นอกจากนี้ นายชัชวาล ยังได้ท้วงด้วย ว่า อธิบดีและคณะยังตอบคำถามไม่ครบ พร้อมเน้นย้ำคำถามเรื่องการตรวจทิพย์ว่าได้ตรวจจริงหรือไม่ ตำแหน่งที่ติดถังก๊าซก็อยู่ในห้องโดยสารที่มีแค่ผนังกั้นไว้ พอก๊าซรั่วก็จะลอยขึ้นสูง ได้มาตรฐานหรือไม่ และรถลักษณะนี้ในบริษัทมีอีกกี่คัน

โดยนายจิรุตม์ ได้ตอบว่า เรื่องการตรวจสอบจำนวนถังก๊าซ ตนสามารถยืนยันโดยระบบได้ แต่ยืนยันในตัวบุคคลไม่ได้ เพราะก็เพิ่งต้องโทษ สั่งย้ายไป 2 คน และยืนยันว่าหากมีความผิดจริงก็จะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด และนอกจากรถคันที่เกิดเหตุแล้ว ก็มีอีก 1 คันที่มีการติดตั้งถังก๊าซแบบเดียวกันนี้

อย่างไรก็ตาม  ระหว่างการประชุม กมธ.ได้รุมซักถามอธิบดีและคณะ โดยเฉพาะนายชัชวาลและนายพีระเดช จนนายครูมานิตย์ได้พยายามรวบรัดการซักถามของ กมธ. ที่หากลงรายละเอียดมากไป อาจจะไม่สะดวกสำหรับกรมการขนส่งที่มาตอบทั้งหมด พร้อมเสนอให้รอการชี้แจงของ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ และตนเห็นใจอธิบดีที่ต้องรับโทรศัพท์จากรัฐมนตรีตลอดเวลา ขณะที่ นายเชิงชาย ชาลีรินทร์ สส.ชัยภูมิ พรรคเพื่อไทย ในฐานะเลขานุการ กมธ. ได้ช่วยกรมการขนส่งทางบกชี้แจงในเรื่องต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับสภาพรถ โดยอ้างว่าตนเองเคยนำรถไปซ่อมกับญาติหลายครั้ง จึงพอมีประสบการณ์

“จากที่เห็นเป็นถังก๊าซ CNG ขนาดใหญ่ ต่อให้บรรจุก๊าซเต็ม โยนลงกองไฟ ยังไม่ระเบิดเลย ถ้าไม่มีก๊าซรั่ว  แต่ในส่วนที่เกิดประกายไฟขึ้นมาไม่แน่ใจว่าเป็นส่วนไหน แต่ก๊าซ CNG มีลักษณะติดไฟยาก” นายเชิงชาย กล่าว