นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้กล่าวถ้อยแถลงในการอภิปรายทั่วไปของการประชุมสมัชชาสหประชาชาติสมัยสามัญ หรือ UNGA ครั้งที่ 79 ที่สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ นครนิวยอร์ก โดยได้ย้ำความมุ่งมั่นของไทย ในการดำเนินนโยบายรัฐบาลแบบมีประชาชนเป็นศูนย์กลาง ยึดแนวนโยบายเศรษฐกิจ เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน
นายมาริษ ยังกล่าวถึงความสำคัญของการปฏิรูปสหประชาชาติ เพื่อรับมือกับความท้าทายต่าง ๆ ในโลกให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะการสร้างเสริมความเข้มแข็งของกระบวนการเพื่อสันติภาพ และความมั่นคง ให้สามารถแก้ไขสถานการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นในภูมิภาคทั่วโลก พร้อมยังยกตัวอย่างสถานการณ์ในเมียนมาที่ไทยให้ความสำคัญในฐานะประเทศเพื่อนบ้านที่ใกล้ชิด ทั้งการส่งเสริมให้ทุกฝ่ายมีส่วนร่วมในการสร้างสันติภาพในเมียนมาที่ควรเกิดขึ้นจากภายในเมียนมาเอง และไทยพร้อมสนับสนุนความช่วยเหลือทางมนุษยธรรมอย่างต่อเนื่อง
"ไทยสนับสนุนให้มีการปฏิรูปสหประชาชาติ เพื่อตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกในปัจจุบัน เพราะเราไม่เคยได้คาดหวังว่า โลกจะเจอปัญหาต่าง ๆ มากมาย ทั้งการพัฒนาการทางเทคโนโลยีอย่างก้าวกระโดด, โรคระบาด, การเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ, การเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิรัฐศาสตร์ หรือภัยคุกคามอื่น ๆ จากการพัฒนาการของโลกที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ดังนั้น การปฏิรูป หรือปรับปรุงองค์การสหประชาชาติ จะสามารถรับมือกับภัยคุกคามต่าง ๆ เหล่านี้ได้" รมว.กต.ระบุ
นายมาริษ ยังได้กล่าวถึงความสำคัญของการดำเนินการเพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน หรือ SDGs โดยไทยพร้อมสร้างสะพานเชื่อม เพื่อส่งเสริมความร่วมมือเพื่อการพัฒนาระหว่างโลกเหนือกับโลกใต้ ผ่านความตั้งใจที่จะเข้าเป็นสมาชิก OECD และ BRICS ซึ่งสำคัญต่อการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ในโลก อาทิ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งเป็นความรับผิดชอบร่วมกันของทุกภาคส่วนและทุกประเทศทั่วโลก เพื่อลดผลกระทบต่อสิทธิมนุษยชนและความมั่นคงมนุษย์ พร้อมยังได้ย้ำความมุ่งมั่นของไทย ที่จะปกป้อง และส่งเสริมสิทธิมนุษยชนสำหรับทุกคน ผ่านการผลักดันความยุติธรรมและความเท่าเทียมในสังคม โดยกล่าวถึงการสมัครเป็นสมาชิกคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ หรือ HRC วาระปี ค.ศ. 2025-2027 ของไทยด้วย
นายมาริษ ยังได้เน้นย้ำถึงการสร้างอนาคตร่วมกันของโลก โดยให้ทุกคนได้รับการปกป้อง และมีความเจริญรุ่งเรือง ผ่านความมุ่งมั่นทางการเมือง เพื่อรับมือกับความท้าทายต่าง ๆ ของโลกไปด้วยกัน และแสดงความพร้อมของไทยในการเป็นสะพานเชื่อม ส่งเสริมการเจรจาและความเชื่อใจระหว่างประเทศ
ทั้งนี้ ในห้วงการประชุมสมัชชาสหประชาชาติสมัยสามัญ หรือ UNGA ครั้งที่ 79 นายมาริษ ยังได้พบปะผู้แทนสมาคมไทย ภาคธุรกิจ และภาคสื่อมวลชนไทยที่อาศัยอยู่ในนครนิวยอร์ก โดยได้ ย้ำว่า รัฐบาล ได้วางนโยบายด้านการต่างประเทศ เพื่อให้ประชาชนจับต้องได้ จึงได้ฝากเอกอัครราชทูต และกงสุลใหญ่ ดำเนินนโยบายการต่างประเทศ ให้ประชาชนได้รับผลประโยชน์มากที่สุด เพื่อประโยชน์ประชาชน และประเทศชาติ พร้อมให้คำมั่นว่า รัฐบาล จะผลักดันชุมชนไทยในทุกประเทศ มีศักดิ์ศรี มีเกียรติภูมิ ได้รับการยอมรับ ยืนเคียงบ่าเคียงไหล่กับชุมชนที่ประชาชนคนไทยใช้ชีวิตอยู่ในประเทศต่าง ๆ รวมถึงการส่งเสริมให้นักธุรกิจไทย ดำเนินธุรกิจในสหรัฐอเมริกาสัมฤทธิผล มีความก้าวหน้าในธุรกิจ พร้อมยังชื่นชมชุมชนไทย ที่มีความเข้มแข็ง และมีส่วนร่วมอย่างสร้างสรรค์ในภารกิจของสถานเอกอัครราชทูต และสถานกงสุลใหญ่ ที่พร้อมรับฟังข้อคิดเห็น และประเด็นห่วงกังวลเพื่อหาแนวทางความร่วมมือ และการให้สนับสนุนต่อไป