svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

ฉลุย! มติสภาฯ 309 เสียง เห็นชอบร่าง พ.ร.บ.งบฯ 68 วาระ 3 ส่งต่อวุฒิสภาพิจารณา

ฉลุย! มติสภาฯ 309 เสียง เห็นชอบร่าง พ.ร.บ.งบฯ 68 วาระ 3 ส่งต่อวุฒิสภาพิจารณา – ผ่ามติพรรคร่วมรัฐบาล ไม่ถึง 320 เสียงตามประธานวิปรัฐบาลคุย – 4 อาวุโส ปชป.งดออกเสียง – ก๊วน ร.อ.ธรรมนัส 19 เสียง - งูเห่า ทสท.ขาประจำหนุนรัฐบาล 3 เสียง

:: ฉลุย! มติสภาฯ 309 เสียง เห็นชอบร่าง พ.ร.บ.งบฯ 68 วาระ 3 ::

ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีมติเสียงข้างมาก 309 ต่อ 155 เสียง งดออกเสียง 4 เสียง ไม่ลงคะแนนเสียง 1 เสียง ให้ความเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2568 วงเงิน 3,752,700 ล้านบาท ในวาระที่ 3 รวมทั้งสิ้น 40 มาตรา ตามที่คณะกรรมาธิการวิสามัญฯ พิจารณาปรับแก้แล้วเสร็จ และที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ใช้เวลาการพิจารณาตลอด 3 วัน 3 คืน โดยในการพิจารณารายมาตรา วาระที่ 2 งบรายกระทรวงนั้น แม้จะมีกรรมาธิการฯ เสียงข้างน้อย และ สส.บางส่วนขอสงวนความเห็นในการปรับแก้เพิ่มเติม แต่ที่สุดแล้ว ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ได้มีมติเสียงข้างมาก เห็นชอบตามการปรับแก้ของกรรมาธิการฯ เสียงข้างมากทั้งหมด

 

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในฐานะผู้แทนรัฐบาล ได้ขอบคุณสภาผู้แทนราษฎร ที่ได้ให้ความเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2568 ฉบับนี้ ซึ่งถือเป็นเครื่องมือสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาล เพื่อให้ประเทศมีความมั่นคง ประชาชนมีความสุข สร้างความเป็นธรรม ลดความเหลื่อมล้ำ ขับเคลื่อนการเจริญเติบโตเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน ตอบสนองการให้บริการภาครัฐความต้องการประชาชนทุกมิติ พร้อมยืนยันว่า รัฐบาลพร้อมน้อมรับข้อคิดเห็น และความห่วงใยของ สส.ไปประกอบการปรับปรุงการดำเนินงานของหน่วยรับงบประมาณ เพื่อให้การใช้งบประมาณเกิดประโยชน์กับประชาชน โดยจะใช้อย่างคุ้มค่า เกิดประโยชน์สูงสุด ให้คุ้มค่าภาษีของประชาชน

นายสุริยะ ยังยืนยันด้วยว่า งบประมาณที่ได้รับอนุมัติในครั้งนี้ รัฐบาลจะนำไปใช้ตามวัตถุประสงค์แผนงาน และจะติดตามการใช้จ่ายให้โปร่งใส ให้บรรลุตามเป้าหมาย เพื่อยกระดับการพัฒนาเศรษฐกิจ และสังคมให้ประเทศก้าวหน้า ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดี มีรายได้มากขึ้น ตามความมุ่งหมายของรัฐบาล และสภาผู้แทนราษฎรต่อไป

 

:: ผ่ามติพรรคร่วมรัฐบาล ไม่ถึง 320 เสียงตามประธานวิปรัฐบาลคุย ::

อย่างไรก็ตาม สำหรับมติ สส.พรรคร่วมรัฐบาลที่จะออกมา 309 เสียงนั้น พบว่า ไม่ถึง 320 เสียงตามประธานวิปรัฐบาล ระบุก่อนหน้านี้ โดย สส.พรรคเพื่อไทย ลงมติไปในทิศทางเดียวกันทั้งหมด ยกเว้น นางสาวลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ สส.บัญชีรายชื่อ ที่ไม่ลงคะแนนเสียง และยังมี สส.ที่ ไม่ลงมติ หรือลาการประชุม ได้แก่ ร้อยตำรวจเอกเฉลิม อยู่บำรุง สส.บัญชีรายชื่อ, นางสาวณัฐจิรา อิ่มวิเศษ สส.นครราชสีมา, นายทศพร เสรีรักษ์ สส.น่าน, นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ สส.กรุงเทพฯ, พลเอกพิศาล วัฒนวงษ์คีรี สส.บัญชีรายชื่อ และนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองสาย สส.เชียงราย ในฐานะรองประธานสภาผู้แทนราษฎร

 

:: ภท.-รทสช.-ชทพ.-ปช.ไม่มีนอกแถว เห็นชอบ พ.ร.บ.งบฯ ::

สส.พรรคภูมิใจไทย ลงมติไปในทิศทางเดียวกันทั้งหมด ยกเว้น นายอนุทิน ชาญวีรกูล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคฯ ที่ไม่ลงมติ หรือลาการประชุม

 

สส.พรรครวมไทยสร้างชาติ, พรรคชาติไทยพัฒนา, พรรคประชาชาติ ลงมติไปในทิศทางเดียวกันทั้งหมด ยกเว้น นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชาติ ในฐานะประธานสภาผู้แทนราษฎร

 

:: 4 อาวุโส ปชป.งดออกเสียง ::

ขณะที่ สส.พรรคประชาธิปัตย์นั้น กลุ่มนายชวน หลีกภัย สส.บัญชีรายชื่อ, นายบัญญัติ บรรทัดฐาน สส.บัญชีรายชื่อ, นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สส.บัญชีรายชื่อ และนายสรรเพชญ บุญญามณี สส.สงขลา ได้ลงมติงดออกเสียง รวมถึงนายจักพันธ์ ปิยพรไพบูลย์ สส.ประจวบคีรีขันธ์ ไม่ลงมติ หรือลาการประชุม

ขณะที่ สส.พรรคเล็กที่ลงมติให้ความเห็นชอบ ได้แก่ พรรคชาติพัฒนา 3 เสียง, พรรคไทรวมพลัง 2 เสียง และพรรคครูไทยเพื่อประชาชน, พรรคท้องที่ไทย, พรรคประชาธิปไตยใหม่, พรรคพลังสังคมใหม่ และพรรคใหม่ พรรคละ 1 เสียง

 

:: พปชร.ก๊วนธรรมนัส เห็นชอบตามรัฐบาล 19 เสียง ::

อย่างไรก็ตาม สำหรับการลงมติของ สส.พรรคพลังประชารัฐ แบ่งเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา พรรคพลังประชารัฐ จำนวน 19 เสียง ประกอบด้วย ร้อยเอกธรรมนัส, นายอนุรัตน์ ตันบรรจง, นายจีรเดช ศรีวิราช, นายนเรศ ธำรงทิพยคุณ, นายไผ่ ลิกค์, นายเพชรภูมิ อาภรณ์รัตน์, นายปกรณ์ จีนาคำ, นายภาคภูมิ บูลย์ประมุข, นางบุญยิ่ง นิติกาญจนา, นายจตุพร กมลพันธ์ทิพย์, นายชัยทิพย์ กมลพันธ์ทิพย์, นายอามินทร์ มะยูโซ๊ะ, นายสัมพันธ์ มะยูโซ๊ะ, นายจำลอง ภูนวนทา, นางรัชนี พลซื่อ, นายอัครแสนครี โล่วีระ, นายสะถิระ เผือกประพันธุ์, นายองอาจ วงษ์ประยูร และนายอรรถกร ศิริลัทธยากร

 

กลุ่มพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ลงมติไม่เห็นชอบ จำนวน 9 เสียง ได้แก่ นายกระแส ตระกูลพรพงศ์ สส.หนองคาย, นางสาวกาญจนา จังหวะ สส.ชัยภูมิ,นายคอซีย์ มามุ สส.ปัตตานี, นายฉกาจ พัฒนกิจวิบูลย์ สส.พังงา, นายชัยมงคล ไชยรบ สส.สกลนคร, นายทวี สุระบาล สส.ตรัง, นายวิริยะ ทองผา สส.มุกดาหาร, นายสุธรรม จริตงาม สส.นครศรีธรรมราช และนายอนันต์ ผลอำนวย สส.กำแพงเพชร 

 

รวมถึงยังมี สส.พรรคพลังประชารัฐ ที่ไม่ลงมติ หรือลาการประชุม ได้แก่ นางวันเพ็ญ พร้อมพัฒน์ สส.เพชรบูรณ์, นางสาวตรีนุช เทียนทอง สส.สระแก้ว, นางขวัญเรือน เทียนทอง สส.สระแก้ว, นายโชติวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ สส.สิงห์บุรี, นายปริญญา ฤกษ์หร่าย สส.กำแพงเพชร, นางสาวพิมพ์พร พรพฤฒิพันธุ์ สส.เพชรบูรณ์, นายจักรัตน์ พั้วช่วย สส.เพชรบูรณ์, นายบุญชัย กิตติธาราทรัพย์ สส.เพชรบูรณ์, นายวรโชติ สุคนธ์ขจร สส.เพชรบูรณ์, นายอัคร ทองใจสด สส.เพชรบูรณ์ และพลเอกประวิตร รวมถึงนายชนนพัฒฐ์ นาคสั้ว สส.สงขลา ซึ่งเป็น สส.กลุ่มร้อยเอกธรรมนัส

 

:: งูเห่าฝ่ายค้านขาประจำ ทสท. 3 เสียงหนุนรัฐบาล - 2 สส.ปชน.ล่องหน ::

ขณะที่ การลงมติของ สส.ฝ่ายค้าน พรรคประชาชน มี สส.ที่ไม่ลงมติ หรือลาการประชุม จำนวน 2 คน ได้แก่ นายวิทวิสิทธิ์ ปันสวนปลูก สส.ลำพูน และนายสิริน สงวนสิน สส.กรุงเทพฯ

 

สส.พรรคไทยสร้างไทย 6 เสียง ลงมติเห็นชอบ 3 เสียง ได้แก้ นางสุภาพร สลับศรี สส.ยโสธร, นายหรั่ง ธุระพล สส.อุดรธานี และนายอดิศักดิ์ แก้วมุงคุณทรัพย์ สส.อุดรธานี และลงมติไม่เห็นด้วย 3 เสียง ได้แก่ นางรำพูล ตันติวณิชชานนท์ สส.อุบลราชธานี, นายชัชวาล แพทยาไทย สส.ร้อยเอ็ด และนายฐากร ตัณฑสิทธิ์ สส.บัญชีรายชื่อ

 

สส.พรรคเล็ก ได้แก่ พรรคไทยก้าวหน้า ที่มีนายไชยามพวาน  มั่นเพียรจิตต์ สส.กรุงเทพฯ และนายกัณวีร์ สืบแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม ลงมติไม่เห็นด้วย แต่นายมังกร ยนต์ตระกูล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย ที่หัวหน้าพรรคฯ ประกาศตัวเป็นฝ่ายค้าน กลับพบว่า ไม่ลงมติ หรือลาการประชุม

 

:: ส่งต่อสภาสูงพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบฯ 68 ตีกรอบ 20 วัน ::

สำหรับขั้นตอนภายหลังที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ได้ลงมติให้ความเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2568 ในวาระที่ 3 แล้ว ประธานวุฒิสภา จะส่งร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2568 ให้วุฒิสภา ได้พิจารณาตามขั้นตอนต่อไป โดยวุฒิสภา จะต้องพิจารณาให้แล้วเสร็จภายใน 20 วัน ก่อนส่งไปยังนายกรัฐมนตรี เพื่อทูลเกล้าฯ และประกาศใช้ในราชกิจจานุเบกษา ให้ทันใช้ในวันที่ 1 ตุลาคม 2567 ซึ่งเป็นวันเรื่องปีงบประมาณ 2568 ต่อไป