svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

"วิษณุ" งัดไม้เด็ด แถลงปิดคดี ต่อศาลรธน. ยก"ความผิดอุปกรณ์" ช่วยนายกฯรอด?

30 กรกฎาคม 2567
เกาะติดข่าวสาร >> NationTV
logoline

เปิดคำแถลงปิดคดี ส่งศาลรธน. แล้ว เผยเนื้อหาลับ อ้างบันทึกการประชุม"มีชัย-กรธ." ช่วยชนะคดี ไม่หลุดนายกฯ อึ้ง"วิษณุ" ประดิษฐ์คำ  ยกเคส นายกฯเศรษฐา เป็น"ความผิดอุปกรณ์"วอนศาล รธน.ตัดสินตามหลักความได้สัดส่วน

31 กรกฎาคม 2567  ความคืบหน้า ก่อนถึงวันที่ 14 สิงหาคม ซึ่งเป็นวันที่ศาลรัฐธรรมนูญ นัดอ่านคำวินิจฉัย คำร้องคดี กลุ่ม 40 อดีตสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ชุดที่ผ่านมา ยื่นคำร้องให้ "ศาลรัฐธรรมนูญ" วินิจฉัยกรณี "นายเศรษฐา ทวีสิน" นายกรัฐมนตรี นำความกราบบังคมทูลฯ เพื่อโปรดเกล้าแต่งตั้ง"นายพิชิต ชื่นบาน" เป็นรมต.สำนักนายกรัฐมนตรี ทั้งๆ ที่รู้หรือควรรู้อยู่แล้วว่า"นายพิชิต" ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ จึงเป็นเหตุให้ความเป็นรัฐมนตรีของ"นายเศรษฐา" สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170

\"วิษณุ\" งัดไม้เด็ด แถลงปิดคดี ต่อศาลรธน. ยก\"ความผิดอุปกรณ์\" ช่วยนายกฯรอด?

หลัง"นายเศรษฐา ทวีสิน" นายกรัฐมนตรี ได้ส่งคำแถลงปิดคดีแบบลายลักษณ์อักษรถึงศาลรธน.ไปแล้วเมื่อช่วงเย็นวันที่ 30 กรกฎาคมที่ผ่านมา

โดยมีรายงานข่าวจาก "พรรคเพื่อไทย" เปิดเผยถึงเนื้อหาในคำแถลงปิดคดีดังกล่าวของนายกรัฐมนตรี คาดว่า เนื้อหาจะไม่ได้แตกต่างไปจากคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา 32 หน้า ที่นายกรัฐมนตรีเคยส่งให้ศาลรธน.ไปก่อนหน้านี้เมื่อช่วงเดือนมิถุนายนมากนัก แต่อาจจะมีการสรุปประเด็นให้มีความกระชับมากขึ้น และเน้นประเด็นที่เห็นว่าเป็นจุดสำคัญที่จะทำให้นายกรัฐมนตรีชนะคดีใน"ศาลรัฐธรรมนูญ" มากขึ้น 

\"วิษณุ\" งัดไม้เด็ด แถลงปิดคดี ต่อศาลรธน. ยก\"ความผิดอุปกรณ์\" ช่วยนายกฯรอด?

มีรายงานว่าประเด็นข้อต่อสู้ของ "นายกรัฐมนตรี" ในคดีนี้ มีอยู่ประเด็นหนึ่งที่ส.ส.พรรคเพื่อไทยได้ทราบและเห็นจากเอกสารลับ  32 หน้าที่อยู่ในเอกสารคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาที่ "นายกฯ"ยื่นต่อ"ศาลรธน." แล้ว ซึ่งฝ่ายกฎหมายของพรรค มองว่ามีนัยสำคัญไม่น้อย

 

นั่นคือ การสู้คดี โดยหยิบยกประเด็นด้วยการอ้างถึง “บันทึกการประชุมของคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.)ปี 2560 ที่มีนายมีชัย ฤชุพันธุ์ เป็นประธาน”

 

เพื่อยืนยันว่า ปัญหาเรื่องคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของ"นายพิชิต ชื่นบาน" ที่นายกฯนำชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ เสนอแต่งตั้งเป็นรมต.สำนักนายกรัฐมนตรี และถูกกลุ่มอดีตสว.ยื่นคำร้องว่า "นายพิชิต" มีลักษณะต้องห้ามการเป็นรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญมาตรา 160 (4) และ (5) เพราะเคยถูกคุมขังจากคำสั่งของศาลฎีกาฯเป็นเวลาหกเดือนในคดีถุงขนมฯ 

โดยเอกสารลับของ"นายกรัฐมนตรี" ระบุว่า จากการตรวจสอบพบว่า ช่วงที่กรธ.มีการร่างรธน.ฉบับปัจจุบัน ปี 2560 โดยในช่วงการยกร่าง มาตรา 160 (4) และ (5) ทางที่ประชุมกรธ.มีการอภิปรายอย่างกว้างขวาง ว่าการที่กรธ.จะบัญญัติมาตรา 160 (4) และ (5) ที่ให้รัฐมนตรีต้องมีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ -มีพฤติกรรมทางจริยธรรมที่ดี จะพิสูจน์ได้อย่างไร และสุดท้ายนายมีชัย ประธานกรธ.บอกว่า "หากมีข้อสงสัยในเรื่องการขาดคุณสมบัติให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย" 

 

และยังอ้างอีกว่า จากบันทึกการประชุมดังกล่าว "นายปกรณ์ นิลประพันธ์" เลขานุการกรธ.ที่เป็นเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาในปัจจุบัน ได้กล่าวในที่ประชุมกรธ. ว่า "ร่างมาตรา 160 (4)และ(5) ถือเป็นบรรทัดฐานสำหรับคุณสมบัติรัฐมนตรีที่ควรมี แต่ในทางกลับกัน อาจเป็นช่องทางในการกลั่นแกล้งทางการเมือง จนทำให้มีคำร้องส่งไปยังศาลรธน.จำนวนมาก ทำให้ศาลรธน.กลายเป็นศาลการเมืองไปโดยปริยาย"

เอกสารคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาของ"นายกรัฐมนตรี"จึงระบุว่า จากบันทึกการประชุมของกรธ.ดังกล่าว  แสดงให้เห็นว่า เจตนารมณ์ของรธน. มาตรา 160 (4)และ(5) สอดคล้องกับความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา ที่ว่าการวินิจฉัยชี้ขาดคุณสมบัติการเป็นรัฐมนตรีตามมาตรา160 เป็นอำนาจโดยเฉพาะของศาลรธน. ทำให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีกับตัวนายกฯ จึงไม่อาจตรวจสอบและชี้ขาดประเด็นปัญหาข้อเท็จจริงดังกล่าวได้เอง 

รายงาน เปิดเผยอีกว่า นอกจากนี้ในเอกสารคำชี้แจงของนายกฯ นายกรัฐมนตรี ยังได้ระบุถึงประเด็นเรื่องความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ว่า สำหรับ ตัวนายพิชิต ชื่นบาน ที่เป็นผู้ถูกร้องที่สองในคดีดังกล่าว แต่นายพิชิตได้ลาออกไปก่อนศาลรธน.รับคำร้องทำให้ นายพิชิต จึงไม่ได้อยู่ในสถานะผู้ถูกร้องในชั้นศาลรธน.


โดยนายกฯ ได้ระบุว่า เรื่องความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ก็ต้องมีหลักการพิจารณาเช่นเดียวกัน ซึ่งพฤติกรรมของผู้ถูกร้องที่สอง (นายพิชิต)กรณีละเมิดอำนาจศาล เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมานานกว่า 15 ปีแล้ว และเกิดก่อนรัฐธรรมนูญปี 2560 มีผลบังคับใช้

จึงควรต้องพิจารณาอย่างละเอียดถี่ถ้วน ประกอบกับตนเอง(นายกรัฐมนตรี) มีภูมิหลังในการประกอบอาชีพทางธุรกิจ มีประสบการณ์ทางการเมืองและการบริหารราชการแผ่นดินที่จำกัด ไม่มีภูมิหลังทางการศึกษาด้านนิติศาสตร์และรัฐศาสตร์ จนไม่อาจชี้ขาดได้ว่า "นายพิชิต"เป็นบุคคลที่ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามในการดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี 

"ผู้ถูกร้อง ในฐานะนายกรัฐมนตรีต้องคำนึงถึงบทบัญญัติตามรัฐธรรมนูญ เช่นนัยยะของมาตรา 29  ซึ่งให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่า เป็นผู้บริสุทธิ์ก่อนมีคำพิพากษาจนถึงที่สุด ว่าบุคคลใดได้กระทำผิด เมื่อผู้ถูกร้องยังไม่ได้ถูกวินิจฉัยโดยศาลรัฐธรรมนูญ ว่าเป็นผู้ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญมาตรา 160 (4) และ (5) ผู้ถูกร้องที่หนึ่ง(นายกรัฐมนตรี) จึงได้ตัดสินใจไปโดยความสุจริต ตามประเพณีและข้อพึงปฏิบัติทางการเมือง โดยไม่ถือไปก่อนว่าผู้ถูกร้องที่สอง ไม่ซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ และมีพฤติกรรมฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมฯ อันจะทำให้ผู้ถูกร้องที่สอง มีลักษณะต้องห้ามไปตลอดชีวิต โดยที่ยังไม่เคยมีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับเหตุการณ์เมื่อ 15 ปีที่แล้ว 

ดังนั้น การดำเนินการแต่งตั้ง"นายพิชิต" เป็นรัฐมนตรี เมื่อ 27 เมษายน 2567 เป็นไปเพื่อประโยชน์ทางราชการ ภายใต้ความไว้วางใจทางการเมือง และข้อตกลงทางการเมืองที่พรรคร่วมรัฐบาลมีต่อกัน โดยสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีและผู้ถูกร้องที่หนึ่งดำเนินการโดยถูกต้องแล้ว"

รายงานข่าวจากพรรคเพื่อไทย เปิดเผยด้วยว่า จากที่ได้เห็นเอกสารคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาพบว่าในช่วงท้าย นายกรัฐมนตรี ได้สรุปประเด็นไว้ว่า การกระทำทั้งหมดตามคำร้อง(กลุ่ม40 สว.) มีที่มาจากข้อกล่าวหา ที่เป็นพฤติกรรมส่วนบุคคลของนายพิชิต ซึ่งศาลมีคำสั่งไม่รับคำร้องและจำหน่ายคดีในส่วนของนายพิชิตไปแล้ว และผู้ถูกร้องที่หนึ่ง(นายกรัฐมนตรี) ควรต้องรับผิดเฉพาะเหตุที่เกิดจาก

(1) การขาดคุณสมบัติหรือลักษณะต้องห้ามที่เกิดจากการะทำของตัวนายกรัฐมนตรีเองโดยแท้ หรือ(2) การรู้เห็นหรือรับรู้ การขาดคุณสมบัติหรือลักษณะต้องห้าม ของบุคคลอื่นอย่างชัดแจ้ง แต่ยังคงดำเนินการต่อไป ดังนั้นในคดีนี้ ไม่ว่านายพิชิต จะขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามการเป็นรมต.ตามรัฐธรรมนูญหรือไม่ ก็ไม่ได้ส่งผลให้ตัวนายกรัฐมนตรี ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามการเป็นรัฐมนตรีตามไปด้วย เพราะตนเองและสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ได้ดำเนินการตามวิธีการและขั้นตอนในการตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของบุคคลที่จะได้รับการเสนอชื่อเป็นรัฐมนตรี ตามที่ได้ปฏิบัติกันมาตลอด 

“อีกทั้งความผิดของผู้ถูกร้องที่สอง คือนายพิชิต ยังเสมือนเป็นความผิดประธาน ซึ่งในขณะที่มีการเสนอชื่อนายพิชิตเป็นรัฐมนตรี ก็ยังไม่ได้มีการวินิจฉัยความผิดประธานโดยศาลรัฐธรรมนูญ กรณีของตนเอง ในฐานะผู้ถูกร้องที่หนึ่ง จึงเปรียบเสมือนเป็นความผิดอุปกรณ์ จึงไม่อาจมีไปด้วยได้” 

รายงานข่าวแจ้งว่า ในตอนท้ายของคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาของนายกฯ ได้ระบุตอนหนึ่งว่า ตนเองได้ประกอบสัมมาชีพโดยสุจริต ในธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ มีประสบการณ์ในการทำงานหลากหลาย แต่ก็ไม่ได้ทิ้งความมุ่งหวังให้ประเทศมีความเจริญก้าวหน้า การได้รับเลือกจากที่ประชุมรัฐสภา ถือเป็นเกียรติยศ เป็นสิริมงคล ที่สร้างความภาคภูมิใจสูงสุด 
  \"วิษณุ\" งัดไม้เด็ด แถลงปิดคดี ต่อศาลรธน. ยก\"ความผิดอุปกรณ์\" ช่วยนายกฯรอด?

"ขอศาลโปรดให้ความเป็นธรรม ต่อผู้ถูกร้องตามหลักความได้สัดส่วน ความสมเหตุสมผลแห่งเหตุ และสอดคล้องกับความไว้วางใจที่สมาชิกรัฐสภา มีมติเห็นชอบให้ปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี ได้ต่อเนื่องต่อไป โดยมีคำวินิจฉัยให้ ความเป็นรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรี ไม่สิ้นสุดลงเฉพาะตัว ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคหนึ่ง(4) ประกอบมาตรา 160(4)และ(5) " ถ้อยคำตอนท้ายของเอกสารคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาของนายกฯระบุไว้

logoline
News Hub