svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

"จุรินทร์"ซัด พ.ร.บ.งบเพิ่มเติม 67 กู้มาทำดิจิทัลวอลเล็ต ย้ำได้ไม่คุ้มเสีย

"จุรินทร์"ซัด พ.ร.บ.งบเพิ่มเติม 67 ไม่ได้กู้มาลงทุน แต่มาทำดิจิทัลวอลเล็ตเท่านั้น ชี้ ความล่าช้าของโครงการเป็นความโหลยโท่ยของรัฐบาล ย้ำ เงินหมื่น ทำเศรษฐกิจโตไม่ได้จริง ได้ไม่คุ้มเสีย เข้าทำนองประเทศเสียหายไม่ว่าขอให้ข้าได้หาเสียง

ที่อาคารรัฐสภา การประชุมสภาผู้แทนราษฎร โดยมีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาคนที่ 2 เป็นประธานในที่ประชุม ในวาระ การพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ 2567 วงเงิน 122,000 ล้านบาทที่คณะรัฐมนตรีเป็นผู้เสนอ
โดยนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์  สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ลุกขึ้นอภิปรายไม่รับร่างดังกล่าวโดยให้เหตุผลว่า
สาระสำคัญของร่างดังกล่าวมีแค่ประการเดียว คือเพื่อขอกู้มาแจก 1.22 แสนล้านบาท เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของเงิน 450,000 ล้าน ที่รัฐบาลจะเอาไปทำ ดิจิทัลวอลเล็ต
ตนไม่เคยต่อต้านโครงการนี้ แต่ตนทวงถามแทนประชาชนทุกครั้ง ว่าเงิน 10,000 บาทที่รัฐบาลหาเสียงจะได้เมื่อไหร่
ได้กี่โมง เพราะจนถือหลักว่าเมื่อพรรคการเมืองไปหาเสียงได้เป็นรัฐบาลแล้วต้องมีความรับผิดชอบเพราะไปสัญญาแลกเอาคะแนนมาแล้วต้องชดใช้ให้กับประชาชนโดยจะต้องทำให้ทันเวลาถูกกฎหมายโปร่งใสและคุ้มค่ากับประเทศ
และยังมีอีกหลายเรื่องที่รัฐบาลไม่ได้บอกกับประชาชน จึงเป็นหน้าที่ของตนที่เป็นหน้าที่ ฝ่ายตรวจสอบที่ทำหน้าที่เป็นกระจกมองสะท้อนตัวตนที่แท้จริงของรัฐบาลให้ประชาชนได้เห็นเพื่อให้รัฐบาลได้นำไปปรับปรุงแก้ไขโครงการต่อไปและเพื่อให้ประชาชนรับรู้ร่วมกันว่าหลังจากแจกเงินคนละหมื่นให้กับประชาชนแล้วคนที่จะตามมามีอะไรบ้าง

ประเด็นแรกเรื่องความล่าช้าของโครงการ ไม่ใช่แรงค้านของฝ่ายไหนแต่เพราะความโหลยโท่ยของรัฐบาล ที่บริหารราชการแผ่นดินเหมือนเด็กเล่นขายของเป็นไม้หลักปักขี้เลนโอนไปเองมาเอาแน่อะไรไม่ได้ เวลาเลื่อนมากี่รอบ ประชาชนลงเรือเก้อมาแล้วกี่ลำ แหล่งเงินกลับไป กลับมา นายกท่านนี้เชื่อถือได้กี่เปอร์เซ็นต์

"ตอนหาเสียงบอกแจกทันทีไม่มีกู้พอเป็นรัฐบาลไม่กี่วันเริ่มออกลายเลื่อนทันทีมีแต่กู้ ถึงจะออกพระราชบัญญัติเงินกู้ 500,000 ร้านสุดท้ายยกธงขาวเพราะจำนนด้วย กฎหมายว่าทำไม่ได้เพราะรัฐบาล พยายามสร้างประเด็นว่าเศรษฐกิจกำลังวิกฤตแต่ไม่ได้วิกฤตถึงขั้นต้องกู้มาแจก เปลี่ยนมาใช้เงินธกส.แทนหลังจากนั้นท่ามกลางเสียงเตือนว่าสุ่มเสี่ยงผิดกฎหมายเพราะเงินธกส.มีไว้ดูแลเกษตรกร แต่รัฐบาลก็เสียงแข็งบอกว่าทำได้เสียเวลาไป 3 เดือนเพราะความดื้อรั้นดันทุรังของรัฐบาลจนสุดท้ายโยนผ้าอีกรอบ แสดงว่าที่ยืนยันมาตลอดแค่ปากกล้าขาสั่น สร้างความหวังให้กับประชาชนไปวันๆเท่านั้น"นานจุรินทร์กล่าว

ทั้งนี้ ล่าสุดขอเปลี่ยนแหล่งเงินที่จะมาแจกมาแค่ 2 แหล่งคือ งบประมาณปี 67 จำนวน 165,000 ล้านบาท และงบปี 68 จำนวน 285,000 ล้านบาท รวมแล้วเป็น 450,000 ล้านบาท โดยงบ 67 แยกเป็น 2 ก้อน งบ 68 แยกเป็น 2 ก้อนรวมแล้วเป็น 4 ก้อน แต่จนวันนี้เม็ดเงินจริงยังไม่มีสักบาทเดียว ยังล่องลอยอยู่ในอากาศเพราะยังต้องรอกระบวนการทั้ง 450,000 ล้านบาทหลายประเด็นถึงยังไม่นิ่งและนิ่งไม่ได้เพราะรัฐบาลบริหารแบบคิดไปทำไปแล้วที่ร้ายที่สุดเป็นการสวนมาสวนไปด้วย
จากเรือยอร์ชก็กลายเป็นเรือแจวแล้วตอนนี้ แต่คงเป้าหมาย 50 ล้านคนไว้ไม่ลดโดยอ้างว่า 10% จะไม่ใช้สิทธิ์ จึงเกิดคำถามว่าถ้าส่วน 10% มาลงทะเบียนใช้สิทธิ์ จะนำเงินจากไหนมาแจก นี่มันนั่งเรือแจวไปตายเอาดาบหน้าชัดๆ

นายจุรินทร์ ยังกล่าวถึงการหาเม็ดเงินมาแจก จากงบ 67 จำนวน 43,000 ล้าน ที่รัฐบาลหวังว่าจะไปเอามาจากงบกลาง มาใช้ในโครงการดิจิตอล wallet นั้นอยู่ในงบกลางฉุกเฉิน ซึ่งมีอยู่ 95,000 ล้านบาท แต่วันนี้ใช้ไปแค่  3,238 ล้าน แปลว่าการเบิกจ่ายเงินของจริงโดยเฉพาะงบฉุกเฉินเกียร์ว่าง เพื่อให้เงินตรงนี้เหลือใช้เอามาแจก 43,000 ล้าน เพราะฉะนั้นการเรียกหน่วยงานต่างๆ มากำชับเร่งเบิกจ่ายงบประมาณ เพื่อจะทำให้เศรษฐกิจปีนี้โตให้ได้ 3% เป็นเพียงแค่การละคร

ส่วนงบ 68 จำนวน 1,302,300 บาท ที่บอกว่าจะใช้การบริหารจัดการ วันนี้ยังไม่รู้ว่าจะไปเอามาจากไหน หรือจะใช้เสียงในกรรมาธิการเสียงข้างมาก กองงบไว้ที่เดียวกัน แล้วใช้มติครมใส่ลงไปในงบกลางเพื่อเอาไปทำดิจิทัลวอลเล็ต แทน แล้วพรรคร่วมรัฐบาลจะว่าอย่างไร จะนั่งเป็นตัวการ์ตูนอยู่หรือ แล้วจะบรรลุนโยบายพรรคการเมืองที่หาเสียงไว้กับประชาชนได้อย่างไรในเมื่อเอาไปให้พรรคเดียวเขาทำหมดแล้ว แล้วประชาชนจะเสียหายขนาดไหน กระทรวงแต่ละกระทรวงจะเอาเงินที่ไหนไปบริหารหรือจะต้องไปเสนองบกลางปี 68 อีก

สำหรับพระราชบัญญัติฉบับนี้ ประกอบด้วยหลักการเหตุผลและเนื้อหาแค่ 6 มาตราขอเงินมา 122,000 ล้านบาท ประกอบด้วยรายจ่ายใส่ไว้ในงบกลาง เพื่อทำ Digital wallet โดยเฉพาะและให้กระทรวงการคลังมีอำนาจสั่งการ และระบุรายได้ว่าไม่ได้กู้ทั้งดุ้นเพื่อแก้เกี้ยวเท่านั้น เพราะมาจากรายได้ของบริษัทบริหารสินทรัพย์ไทยที่ต้องโอนให้คลัง เพราะฉะนั้นเงินก้อนนี้เป็นเงินบุญหล่นทับไม่ได้เกิดจากฝีมือของรัฐบาลจริง

ดังนั้นถ้าจะอนุมัติพระราชบัญญัติฉบับนี้เป็นเพียงการอนุมัติ ให้รัฐบาล ไปกู้เงินมาชดเชย การขาดดุลอีก 122,000 ล้านบาทเพียงเพื่อเอามาแจกสนองนั้นนโยบาย ส่วนการใช้หนี้ทั้งต้นทั้งดอกเป็นเรื่องของอนาคต

ส่วนรายจ่ายลงทุนที่ใส่ไว้ในพระราชบัญญัติฉบับนี้ ระบุไว้ว่า ใช้เป็นรายจ่ายลงทุน 80% จึงเกิด คำถามว่าทำไมรัฐบาลไปตีความว่าเป็นรายจ่ายลงทุนถึง 80% ซึ่งไม่น่าจะจริงเพราะดิจิทัลวอลเล็ต ไม่ใช่เงินลงทุนแต่เป็นเงินโอนเพื่อการบริโภค และสุดท้ายอาจจะนำไปสู่ความเสี่ยงพระราชบัญญัติวินัยการคืนการคลังมาตรา 20 (1) ต่อไป เข้าใจว่ารัฐบาลพยายามใส่ฟองสบู่ให้เข้าใจว่าการมาขอกู้ในวันนี้เป็นการลงทุนไม่ได้เอาไปบริโภคอย่างเดียวและจะเป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจในการพัฒนาต่อไปแต่หนีความจริงไม่พ้นว่าที่แจกไป เป็นการแจกไปเพื่อบริโภค ไม่เช่นนั้นจะเป็นการกำหนดสินค้าทำไม

ส่วนเรื่องความคุ้มค่า รัฐบาลตีปี๊บมาตลอดว่าถ้าทำดิจิทัลวอลเล็ต แล้วจะทำให้เศรษฐกิจโต 5% แล้วจะทำให้เกิดพายุหมุนทางเศรษฐกิจครั้งใหญ่ เพราะจะนำเงิน 450,000 ล้าน บาทไปใส่มือคนไทย และจากนั้นจะหมุนไปยังร้านค้า โรงงานและจะเกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจภายใน 6 เดือนที่แจกและทำให้ GDP เฉพาะดิจิทัลวอลเล็ต โต 1.2 - 1.8 พูดอย่างกับตลกคาเฟ่ ดูถูกคนคิดเลขเป็นทั้งประเทศ เพราะไม่ว่านักวิชาการทางการเงินแบงค์ชาติ องค์กรอิสระ สภาพัฒน์ หน่วยงานของรัฐที่เป็นหน่วยงานกลางที่กำหนดตัวเลขทางเศรษฐกิจพูดตรงกันว่าที่บอกว่าจะได้ได้จริงแต่ได้ไม่คุ้มเสีย และยังมีค่าเสียโอกาสถ้ารัฐบาลเอาเม็ดเงิน 500,000 ล้านบาทนี้ไปทำอย่างอื่นจะได้มากกว่านี้ เช่นแจกกลุ่มเปราะบางกลุ่มคนจน เพราะเขาจะได้ใช้เงินทันที หรือใช้ลงทุนในด้านอื่นเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจทันที เช่นสร้างคนในระบบเศรษฐกิจ สร้างคนในระบบการศึกษา ลงทุนกับสิ่งแวดล้อมที่ควรลงทุนเตรียมไว้

"ฉะนั้นการกู้มาแจกเพียงแค่ 6 เดือน เหมือน โยนหินลงน้ำ 1 ก้อนเกิดแรงกระเพื่อมแค่จ่อมเดียว แล้วหายไป แต่ที่เกิดขึ้นคือพายุหมุนเอานี่ก้อนโตมาให้คนไทยชดใช้ไปอีกนาน เข้าทำนองประเทศเสียหายไม่ว่าขอให้ข้าได้หาเสียง"นายจุรินทร์กล่าว

นายจุรินทร์ เตือนรัฐบาลถึงความไม่โปร่งใสอย่าให้การกู้ครั้งนี้ เป็นการกู้ไร้อนาคตเพราะการทุจริตคอรัปชั่นเป็นอันขาด เพราะจนวันนี้ยังมีคำถามจากประชาชน ว่า ทำไมไม่แจกเป็นเงินสด ,ทำไมไม่แจกผ่าน App กระเป๋าตังค์ , ทำไมต้องแจกตั้งแต่อายุ 16 ขึ้นไป ซึ่งข้อนี้ตนได้ตอบไปแล้วว่าถ้าแจกคนอายุ 16 ปีขึ้นไปอีก 2 ปีอายุ 18 ก็ลงคะแนนได้ ถ้าแจกอายุต่ำกว่านี้แจกไปก็เสียของ นี่จึงเป็นคำตอบว่าสุดท้ายแล้วแจกไปเพื่อใคร

"รัฐบาลเคยถามตัวเองหรือไม่ว่าตอนรัฐบาลเข้ามาใหม่ๆช่วงมกราคม มีคำถามว่าถ้ารัฐบาลยกเลิกโครงการดิจิตอลวอลเล็ตประชาชนจะโกรธ หรือไม่ ประชาชนตอบตรงกันตัวเลข 70% บอกว่าไม่โกรธเลย แต่ถ้ามาถามตอนนี้จนไม่แน่ใจว่าจะโกรธหรือไม่ และเกือบปีที่ผ่านมาผลงานรัฐบาลบอกตรงๆว่าสุดเห่ยจริงๆทุกด้าน แต่ขอให้รัฐบาลได้รับทราบว่าแม้จะเปลี่ยนไปใช้ App ทางรัฐ แต่ดิจิตอลวอลเล็ต
จะเป็นแค่ทางรอด ของประชาชนคนจนและกลุ่มเปราะบางชั่วคราวเฉพาะกิจเท่านั้น แม้อาจจะเป็นทางรอดของบางพรรคการเมืองแต่ที่แน่นอนไม่ใช่ทางรอดของประเทศ"นายจุรินทร์กล่าว