7 กรกฎาคม 2567 เป็นประเด็นที่สังคมจับตา และวิพากษ์วิจารณ์อย่างมาก กรณีเรื่องอื้อฉาว ที่ปะธานมูลนิธิสาว ถูกออกมาแฉว่า มีเอี่ยวเกี่ยวกับการซื้อขายวุฒิการศึกษา และการซื้อขายตำแหน่งทางการเมืองในตำแหน่งบรรดา ที่ปรึกษา-คณะทำงาน” ของรัฐมนตรี และ สส.ผู้ทรงเกียรติ ซึ่งสร้างแรงกระเพื่อมไปยังแวดวงทางการเมืองเป็นอย่างมาก
โดยในส่วนของคดีความนั้น ผู้ที่เกี่ยวข้องคงต้องไปต่อสู้ กันตามกระบวนการยุติธรรม เพื่อพิสูจน์ตนเอง แต่สิ่งที่สังคมตั้งข้อสงสัยคือ การซื้อขายหรือวิ่งเต้น เพื่อให้มีตำแหน่ง “ที่ปรึกษา-คณะทำงาน” นั้น มีความคุ้มค่ามากน้อยเพียงใด
ทั้งนี้ ผลประโยชน์เรื่องการ “ซื้อขายตำแหน่งทางการเมือง” ที่โยงถึงขบวนการ “ซื้อขายวุฒิการศึกษา” เพื่อสร้างโปรไฟล์ นำไปหากินกันต่อ ในลักษณะ “โจรเสื้อสูท” นั้น เราเรียกผลประโยชน์ส่วนนี้ว่า เป็นการเมืองที่ซ่อนอยู่ “ใต้ภูเขาน้ำแข็ง”
เพราะตำแหน่งการเมืองประเภทนี้ ไม่ใช่ตำแหน่งทางการ ไม่มีเงินเดือน อาจมีเบี้ยประชุมบ้าง และไม่ต้องยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อ ป.ป.ช. แต่ว่าคนที่อยู่ในตำแหน่งเหล่านี้จะมีโอกาสได้ใกล้ชิด “คนมีตำแหน่งใหญ่โต” ก็สามารถนำรูปถ่าย โปรไฟล์ ไปหาประโยชน์ได้อีกต่อหนึ่ง
ตำแหน่งทางการเมือง 2 สายหลัก คือ
ฝ่ายบริหาร
ตำแหน่งทางการ เฉพาะฝ่ายการเมือง
-เลขาธิการนายกรัฐมนตรี (หมายถึงเลขานุการของนายกฯนั่นเอง) - มี 1 คน
-รองเลขาธิการนายกฯ (หมายถึงเลขานุการของรองนายกฯนั่นเอง) - มีเท่าจำนวนรองนายกฯ
-รองเลขาธิการนายกฯ ฝ่ายการเมือง - มี 2 คน (เป็นของนายกฯ)
**ทั้งหมดนี้คือตำแหน่งทางการ มีเงินเดือน
ส่วนตำแหน่งไม่เป็นทางการ ตั้งได้ไม่จำกัด คือ
-ที่ปรึกษา - ส่วนใหญ่ตั้งเพื่อเป็นเกียรติ ไม่ได้ถูกปรึกษาจริง ๆ แต่ชื่อตำแหน่งดูดี ทรงภูมิ
-คณะทำงาน - ส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีงาน แค่คอยตามลงพื้นที่ จึงมักใช้ สส.สอบตก หรือนักการเมืองท้องถิ่น รวมถึงพวกผู้นำมวลชน มานั่งเป็น “คณะทำงาน” ส่วนภารกิจก็แล้วแต่ รองเลขาธิการนายกฯ หรือรองนายกฯ มอบงานให้ทำ
เช่น เจ๋ง ดอกจิก หรือ ยศวริศ (ยด-วะ-ริด) ชูกล่อม คณะทำงานเขตราชการที่ 11 หมายถึง รับผิดชอบช่วยรองนายกฯ “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” ในภารกิจตรวจราชการตามเขตงานของกระทรวง ที่รองนายกฯ กำกับดูแล เขตคือพื้นที่
สิทธิพิเศษที่คนเหล่านี้จะได้รับก็เช่น
-เข้า-ออกทำเนียบรัฐบาลได้อย่างเสรี => บางคนมีเบ่งกับเจ้าหน้าที่อีกต่างหาก
-เข้าประชุมบางเรื่องได้ หากได้รับมอบหมาย => ทำให้บางคนเบ่งว่ามีอำนาจเหนือข้าราชการ
-ได้เบี้ยประชุม => เมื่อเข้าประชุมตามที่ได้รับมอบหมาย
-ถ่ายรูป/เดินตามรัฐมนตรี หรือแม้แต่นายกฯ => ได้ภาพไปอวดเบ่ง
-พิมพ์นามบัตร => นำไปอวดเบ่ง
ผลประโยชน์แอบแฝง
-อ้างตัวสนิทกับผู้ใหญ่ ฝากคนเข้ารับราชการ เข้าสู่ตำแหน่งต่าง ๆ แลกผลประโยชน์
-อ้างตัวสนิทกับผู้ใหญ่ ฝากเด็กเข้าโรงเรียน แลกผลประโยชน์
-อ้างตัวสนิทกับผู้ใหญ่ ขอโควต้าสลากกินแบ่งรัฐบาล เอาไปหาประโยชน์ หรือเรียกเงินจากคนอยากได้ โควตา
-นำนามบัตร รูปถ่ายกับผู้ใหญ่ ไปวิ่งเต้นงานรับเหมา จัดซื้อจัดจ้างในต่างจังหวัด หรือของส่วนราชการในต่างจัีงหัด
-นำนามบัตร รูปถ่ายกับผู้ใหญ่ ไปเบ่งขอรับผลประโยชน์ เช่น กินฟรี ขอส่วนลดพิเศษ หรือขอสิทธิพิเศษจากเจ้าหน้าที่ เช่น ตามด่านตรวจแอลกอฮอล์ ขนของผ่าน ตม.
-อ้างตัวสนิทกับผู้ใหญ่ เรียกรับเงินนอกกฎหมาย ทั้งจากฝ่ายการเมือง จากคนทำธุรกิจสีเทา โดยขู่ว่าถ้าไม่ยอมจ่าย จะจัดการ ดำเนินคดี
**ส่วนใหญ่คนเป็นผู้ใหญ่ หรือคนที่ถูกอ้างถึงจะไม่รู้เรื่องด้วย
ฝ่ายนิติบัญญัติ
ตำแหน่งทางการ
สส. - จะมีที่ปรึกษา และผู้ช่วย สส. เป็นตำแหน่งที่กำหนดไว้ในกฎหมาย (ส่วนนี้เหมือนเป็นยอดภูเขาน้ำแข็ง เพราะถูกตรวจสอบได้)
ส่วนตำแหน่งใต้น้ำ ฐานภูเขาน้ำแข็ง คือตำแหน่งใน กมธ. หรือคณะกรรมาธิการ
1.ที่ปรึกษาประจำ กมธ.
2.เลขานุการประจำ กมธ.
**สองตำแหน่งนี้ เป็นตำแหน่งทางการ มีสิทธิขอเครื่องราชฯ
**เป็นตำแหน่งที่ต้องใช้เส้นสายเพื่อให้ได้เข้าไปนั่ง มีจำนวนจำกัด
3.ตำแหน่งไม่เป็นทางการ
-ที่ปรึกษา กมธ. (ประจำตัว กมธ. ซึ่งเป็น สส.)
-เลขานุการ กมธ. (ประจำตัว กมธ. ซึ่งเป็น สส.)
-คณะทำงาน
-อนุ กมธ. (ตั้งตาม มติ กมธ.)
**ตำแหน่งเหล่านี้ตั้งได้ไม่จำกัด หรือถึงแม้จะจำกัดจำนวนอยู่บ้าง แต่ก็ยังมีจำนวนมากอยู่ดี
สิทธิพิเศษที่คนเหล่านี้จะได้รับ
-เข้า-ออกรัฐสภาได้อย่างเสรี => บางคนนำไปอ้าง หรือนำภาพไปโพสต์สร้างโปรไฟล์น่าเชื่อถือ
-เข้าประชุมบางเรื่องได้ หากได้รับมอบหมาย => ทำให้บางคนเบ่ง อาศัยอำนาจเรียกคนโน้นคนนี้มาชี้แจง ทั้งราชการและเอกชน
-ได้เบี้ยประชุม => เมื่อเข้าประชุมตามที่ได้รับมอบหมาย
-ถ่ายรูป/เดินตาม สส. => ได้ภาพไปอวดเบ่ง
-พิมพ์นามบัตร => นำไปอวดเบ่ง
ผลประโยชน์แอบแฝง
คล้าย ๆ กับตำแหน่งของฝ่ายบริหาร แต่ถ้าเป็นฝ่ายสภา นิติบัญญัติ มักจะนำนามบัตร รูปถ่ายกับ สส. ไปข่มขู่หน่วยงานรัฐ และเอกชน ว่าสามารถตรวจสอบเรื่องนั้นเรื่องนี้ได้ เพื่อเรียกรับผลประโยชน์ หรือหวังผลประโยชน์ทางการเมือง
// สรุป //
ตำแหน่งทางการเมือง ที่อยู่ส่วนฐานของภูเขาน้ำแข็งที่ว่านี้ มีเยอะมาก และมีวิวัฒนาการเรียกรับผลประโยชน์ ถึงขั้นนำไปสู่การ “ซื้อขายเก้าอี้” และขยายวงเป็นการสร้างโปรไฟล์เสริม ให้กับคนที่อยากมีตำแหน่งทางการเมืองเหล่านี้ เช่น ต้องมีปริญญา มีดีกรี ก็ขายวุฒิการศีกษาพ่วงไปด้วย
ตำแหน่งทางการเมืองเหล่านี้ แม้บางคนจะมองเป็นตำแหน่งเล็ก ๆ แต่ผลประโยชน์ไม่เล็ก ตำแหน่งอนุ กมธ.บางคณะที่ไม่มีคนรู้จัก เมื่อได้รับแต่งตั้ง พิมพ์นามบัตร บางคนถึงขั้น “ล้มวัวเลี้ยง” ที่บ้านต่างจังหวัด สะท้อนถึงผลประโยชน์ที่จะย้อนกลับมา ต้องมากมายคุ้มค่าจริง ๆ