เปิดความเห็น "อ.เชษฐา" มอง 4 คดีการเมืองสำคัญ เป็นปรากฏการณ์ดึงเชงทางการเมือง

18 มิถุนายน 2567 ผศ.ดร.เชษฐา ทรัพย์เย็น ผู้ช่วยอธิการบดี มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช เปิดเผยกับ "เนชั่นทีวี" ถึงความเห็นที่มีต่อ "4 คดีสำคัญทางการเมืองไทย" วันนี้ 

โดย "อ.เชษฐา" ระบุว่า ตนขอตั้งปรากฏการณ์วันนี้ทั้งกรณีศาลอาญาพิจารณานายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในเรื่อง 112 และศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาในคดียุบพรรคก้าวไกล แล้วก็คดีคุณสมบัติของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ว่ากระทำความผิดหรือไม่นั้น ว่า "ปรากฏการณ์ดึงเชงทางการเมือง" เราจะต้องมองการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญวันนี้เชื่อมโยงกับศาลอาญา กรณี 112 นายทักษิณจะสังเกตว่าข้อที่ 1 จังหวะเวลาทางการเมืองของวันนี้นั้นให้เริ่มต้นจากการที่หนึ่งเรื่องศาลอาญาพิจารณา กรณี 112 นายทักษิณและอนุญาตให้ประกันตัว ซึ่งเท่ากับว่าเป็นการลดความร้อนแรงทางการเมืองและการจับตาทางการเมืองไปพอสมควร แต่ไม่สามารถหนีพ้นข้อครหาในเรื่องของการดีลลับไว้ได้ 


แต่อย่างไรก็ตาม ปรากฏการณ์ข้อที่ 1 นั้นถือว่าเป็นการให้ความชัดเจนในเรื่องของการประกันตัวคดี 112 นายทักษิณผ่านไปก่อน แล้วหลังจากนั้น ศาลรัฐธรรมนูญถึงมีประกาศออกมาถึงผลการพิจารณาในช่วงบ่ายออกไปก็เท่ากับว่าจังหวะเวลานั้น หลบหลีกไม่ให้เป็นเวลาเดียวกันหรือพิจารณาก่อน กรณีของนายทักษิณ ก็ถือว่าเมื่อตอนบ่ายหมดไปแล้ว 1 คดีในการถูกจับตา ศาลรัฐธรรมนูญก็โล่งขึ้นในการที่จะพิจารณาในส่วนที่เหลือ

ประการที่ 2 ในกรณีของการตัดสินว่ากฎหมายเลือกตั้ง สว. ระเบียบขั้นตอนการเลือกตั้ง สว.ไม่ผิด รัฐธรรมนูญนั้นเป็นที่คาดการณ์ได้อยู่แล้วว่า ในวันนี้ศาลจะต้องตัดสินเรื่องสำคัญออกมาหนึ่งเรื่อง ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่หนักหนาสาหัสมากอย่างกรณีการเลือกตั้ง สว. ในที่สุดก็สามารถจัดการตัดสินออกมาได้ 1 เรื่องเพื่อที่จะตัดความสนใจในเรื่องปลีกย่อยออกไป ไม่ให้มามะรุมมะตุ้มเหมือนกับที่เกิดการเพ่งเล็งมาก่อนหน้านี้ว่า วันนี้เป็นการพิจารณาคดี สำคัญถึง 4 คดีร่วมระหว่างศาลอาญา กรณีนายทักษิณและอีก 3 คดี กรณีศาลรัฐธรรมนูญทำให้บรรยากาศที่ผ่านมาทางการเมืองไทยมีความคลุมเครืออย่างยิ่ง วันนี้ศาลเลยตัดสินเรื่องแรกในเรื่องกรณี สว.ออกมาก่อนให้ถือว่าระเบียบกกต. ไม่ขัดรัฐธรรมนูญจบไป 1 เรื่อง


ประการที่ 3 เมื่อดูจากการพิจารณากรณีก้าวไกลศาลให้ยืดเวลาในการส่งเอกสารและพิจารณา ออกไปจนถึงต้นกรกฎาคม ซึ่งถือว่านานพอสมควร และในการส่งเรื่องไปแบบนี้ก็ชัดเจนแล้ว ว่าศาลรัฐธรรมนูญนั้นจะไม่รีบตัดสินกรณีของพรรคก้าวไกล น่าจะเป็นลักษณะทำให้รอบคอบ โดยที่มีการเขียนว่าวันที่ 9 กรกฎาคม ให้ทั้งสองฝ่ายมาตรวจพยานหลักฐานและเอกสาร นั่นหมายถึงว่าจะไม่มีการตัดสินกรณียุบพรรคก้าวไกลก่อนวันที่ 9 กรกฎาคม ซึ่งก็ถือเป็นการผ่อน จังหวะความร้อนแรงและการโฟกัสทางการเมืองออกไปได้ดีเป็นอย่างยิ่ง

เรื่องที่ 4 หรือข้อที่ 4 กรณีนายกฯ เศรษฐา ว่าผิดหรือไม่ในการตั้งนายพิชิต ชื่นบาน ทั้งที่รู้หรือควรรู้อยู่แล้วว่าไม่มีคุณสมบัติให้เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ก็ปรากฏว่า ศาลรัฐธรรมนูญก็นัดให้ส่งข้อเท็จจริงเป็นเอกสารเพิ่มและให้นัดพิจารณาอีกรอบหนึ่ง คือวันที่ 10 กรกฎาคม

ซึ่งจะสังเกตว่าคดีสำคัญ 2 คดี คือพรรคก้าวไกล และกรณีของนายกฯ เศรษฐานั้น ได้ผ่อนระยะเวลาไปมากกว่า 3 สัปดาห์นับจากวันนี้ ในทางนัยยะทางการเมืองแล้วก็คือ ปรากฏการณ์ดึงเชงนั่นเอง ไม่ให้เกิดความร้อนแรงทางการเมือง เพื่อผ่อนคลายบรรยากาศของความระอุทางการเมืองและเกิดความไม่แน่นอนมากที่มีการเล่นข่าวก่อนหน้านี้ว่า 4 คดีสำคัญมาปรากฏในวันเดียวกัน

พอศาลรัฐธรรมนูญกำหนดเวลาใหม่ก็ทำให้แต่ละคดีที่เหลือ จึงถูกโยกในการพิจารณาไปคนละวัน ก็ทำให้เห็นว่าเป็นเกมจังหวะในการดึง เวลาทางการเมืองให้ผ่อนลงมาจากการที่เคยร้อนแรงมาก่อนหน้านี้ และเกิดความไม่มีเสถียรภาพ หลายเรื่องในทางการเมืองที่ปรากฏออกมา เพราะฉะนั้นการที่ศาลทำอย่างนี้ก็ถือเป็นการหยุดประเด็นโจมตีกระบวนการยุติธรรม หยุดในเรื่องของข่าวต่างๆ ที่ออกมาในทางลับแล้วดึงสติของสังคมให้หันกลับเข้ามาสู่กระบวนการยุติธรรมปกติตามกรอบเวลาที่ลำดับใหม่ขึ้นมา ก็ถือว่าเป็น การผ่อนคลายจังหวะทางการเมืองได้ดีอย่างยิ่ง