5 กรกฎาคม 2566 "นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์" ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยหลังคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติให้หน่วยงานเกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงมหาดไทย กทม. และหน่วยงานเกี่ยวข้อง กลับไปทำข้อมูลให้ชัดเจนเพื่อเสนอต่อ ครม. ชุดใหม่ เรื่องหนี้รถไฟฟ้าสายสีเขียว วงเงินรวมกว่า 7.8 หมื่นล้านบาทที่ต้องชดใช้ให้กับบีทีเอส ว่า ตอนนี้เป็น ครม. รักษาการ สิ่งที่ กทม. ขอไปให้ช่วยชำระค่าโครงสร้างพื้นฐาน และค่าติดตั้งระบบอาณัติสัญญาณ หรือ E&M ก็คงอยู่นอกเหนือจากอำนาจของรัฐบาลชุดนี้
"แต่อย่างน้อยก็เพื่อให้ท่านได้รับทราบว่า กทม.คิดอย่างไร ซึ่งจริงๆแล้ว กทม.ก็ส่งให้ท่านตั้งนานแล้ว แต่ก็มองว่า ก็เป็นเรื่องที่คาดการณ์ไว้แล้ว และคงต้องรอรัฐบาลใหม่ว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป" นายชัชชาติ กล่าว
ส่วนของ กทม. ก็มีการดำเนินการภายใน โดยคณะกรรมาธิการ ก็มีการพูดคุยกันเรื่องนี้ ทำให้มีรายละเอียดขึ้น และตนมองว่า เริ่มมีความชัดเจนขึ้น และรัฐบาลนี้ก็บอกให้รอรัฐบาลต่อไปก็มีความชัดเจน และมองว่า คงจะมีปัญหาเรื่องหนี้ เรื่องงบประมาณ ตามหลักก็คงจะไม่สามารถเคาะกันในที่ประชุม ครม. วันนี้ (5ก.ค.) อยู่แล้ว แต่การที่ ครม. นำเรื่องเข้าไปเพื่อรับทราบ ก็ถือเป็นเรื่องที่ดี
ส่วนเมื่อยื้อเวลาออกไปจะมีผลต่อดอกเบี้ยในเดือนถัดไปหรือไม่นั้น มองว่าดอกเบี้ยคงจะเจรจาได้ และหลายๆ อย่างได้ระบุไว้ ซึ่งการที่ กทม.ไม่ได้จ่ายหนี้ ก็เพราะ มี ม.44 ที่เข้าไปเจรจา กำหนดเงื่อนไขในการต่อสัญญาสัมปทานออกไปอีก 30 ปี ซึ่งจะสิ้นสุดปี 2572 โดยไม่ผ่านความเห็นชอบจาก สภา กทม. จึงเชื่อว่าตัวเลขดอกเบี้ยน่าจะเจรจากันได้ เพราะกทม.ไม่ได้ผิดสัญญาอะไร แต่เป็นเงื่อนไขการเจรจาที่ต่อเนื่องกันมา ตั้งแต่ก่อนที่ตนจะเข้ามารับตำแหน่ง ดังนั้น จึงต้องเจรจาในรายละเอียด
อย่างไรก็ตาม ย้ำว่าสิ่งที่ต้องการให้รัฐบาลตัดสินใจ คือ เรื่องของ ม.44 จะเอายังไงต่อ จะเดินหน้าหรือจะยุติ เพราะเป็นเรื่องที่สำคัญ เนื่องจากมีการรวมหนี้เก่าไปเป็นสัมปทานใหม่ ซึ่งหากจะไม่เอา ก็ต้องยุติให้ชัดเจน เพราะ ม.44 เหมือน พ.ร.บ.ที่ต้องปฏิบัติตาม
ส่วนอีกเรื่อง คือ หนี้ที่กทม.ต้องการให้รัฐบาลดำเนินการ คือ หนี้โครงสร้างพื้นที่ และหนี้ค่าติดตั้งระบบอาณัติสัญญาณ (E&M) รถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย 2 ช่วง แบริ่ง - สมุทรปราการ และช่วงหมอชิต -สะพานใหม่- คูคต ซึ่งหากรัฐบาลช่วยได้ตามมติคณะกรรมการจัดระบบจราจรทางบก (คจร.) ก็เชื่อว่าน่าจะทำให้ดีขึ้นได้
อย่างไรก็ตาม มองว่าประเด็น เรื่องการใช้ ม.44 จะต้องตัดสินใจให้จบในรัฐบาลนี้หรือไม่คงไม่ก้าวล่วง เพราะเคารพการตัดสินใจ ไม่มีปัญหา ส่วนจะยากต่อรัฐบาลหน้าหรือไม่ มองว่าไม่น่ามีอะไร และอาจจะง่ายด้วย เพราะอาจจะมีนโยบายในใจแล้ว แต่ก็ยังไม่รู้ว่ารัฐบาลหน้าจะเป็นใคร คงต้องรออีกครั้ง