“เสี่ยหนู” ขับตุ๊กๆ ต้อนรับ “พุทธิพงษ์” เข้า ภท. เจาะฐานเสียง ชิงเมืองกรุง

11 มกราคม 2566 นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม  และ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคพลังประชารัฐ และนำทีมว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. พรรคภูมิใจไทย มาที่ทำการพรรคด้วยรถตุ๊กตุ๊ก อีวี โดยทันทีที่เดินทางมาถึง นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้การต้อนรับ ด้วยการเป็นโชเฟอร์ ขับพาวนรอบวงเวียนหน้าที่ทำการพรรค ก่อนลงมาชูมือที่หน้าประตูทางเข้าพรรค 

นายอนุทิน กล่าวว่า ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เลขาธิการพรรค และสมาชิกพรรคภูมิใจไทยทุกคน ขอกล่าวคำว่ายินดีต้อนรับสู่ครอบครัว “ภูมิใจไทย” สู่บ้านหลังนี้  โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นายพุทธพงษ์ ถือว่ามีความสัมพันธ์ระหว่างกัน ตั้งแต่รุ่นคุณพ่อคุณแม่ จนมาถึงรุ่นลูก เป็นผู้ที่ทุ่มเทเสียสละ มีความสามารถ มีความตั้งใจในการทำงานรับใช้บ้านเมือง ซึ่งตรงกับเจตนารมย์ และความตั้งใจของพวกเราทุกคนในพรรค ท่านคือคนที่จะมาเป็นตัวแทนของพรรค ที่จะเสนอทางเลือกให้กับประชาชนในเขต กทม. ถือว่ามาเติมเต็มพรรคภูมิใจไทย ที่เป็นพรรคการเมืองของประเทศไทย เราพยายามที่จะรับใช้พี่น้องประชาชนทุกจังหวัดทั่วประเทศ แต่พรรคเราก็มีที่มาเริ่มต้นมาจากต่างจังหวัด

เราไม่มีพื้นฐานอยู่ในกรุงเทพฯ เราอาจจะประหม่าในการเข้าถึงจิตใจพี่น้องประชาชนพรรคภูมิใจไทยไม่ได้บอกว่า กรุงเทพฯ ไม่ใช่เป้าหมาย แต่มองว่ากรุงเทพฯ เป็นหัวใจของประเทศไทยจังหวัดหนึ่ง เราทำงานอย่างเต็มที่ให้คนทั่วไป ถึงเวลาภูมิใจไทยเข้ากรุงเทพฯ แล้ว ใครที่เข้ามาในพรรคแล้วต้องไม่ประหม่า แต่เป็นพรรคที่เข้าพบหัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรคได้ตลอด ไม่ต้องแลกบัตร ไม่ต้องพิมพ์ลายนิ้วมือ เราอยู่กันอย่างพี่น้อง อยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่นแบบญาติ ไม่มีพิธีรีตอง นี่คือสิ่งที่พรรคภูมิใจไทยแสดงให้เห็นในสภาผู้แทนราษฎร

ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ที่ให้เห็นถึงความเป็นหนึ่งเดียว ในการต้องการรับใช้บ้านเมืองและประชาชน และทำให้พรรคภูมิใจไทยเป็นที่ไว้วางใจเป็นที่ศรัทธาของประชาชน ขอให้ทุกคนนำเจตนารมย์ และความเป็นเอกลักษณ์ของพรรคเอามาสิงไว้ในตัวเอง ถ้าไม่มีพลังเหล่านี้จะสามารถขับเคลื่อนได้ยาก เพราะเรามีประชาชนเป็นเป้าหมาย และเราก็แสดงให้ประชาชนเห็นแล้วว่าอยากจะทำต่อไป ตามสโลแกน พูดแล้วทำ 

ละลายทุกขอจำกัด วันนี้ ( 11 ม.ค.66 ) ตนขอถอดหัวโขนตำแหน่งหัวหน้าพรรค เพื่อพูดกับอดี ตส.ส.ในฐานะสมาชิกพรรค เพื่อขอคารวะ ที่ได้ลาออกจาก ส.ส. แล้วมาร่วมงานกับพรรคภูมิใจไทย อย่างนายเผดิมชัย บุญช่วยเหลือ / น.ส.อนุสรี ทับสุวรรณ / โดยจะรีบสวมเสื้อให้กับผู้ที่เข้ามาสมัครสมาชิก ซึ่งถ้าใส่แล้วขอไม่ถอด และขอให้ใส่ตลอดไป

ด้านนายพุทธิพงษ์ กล่าวว่า รู้สึกยินดีและตื่นเต้นที่ได้มาร่วมงานกับพรรคภูมิใจไทย ซึ่งทีมงานเป็นคนกรุงเทพฯ และเข้าใจปัญหาของกรุงเทพฯ เป็นอย่างดี เพราะได้มีการศึกษาปัญหาในร่วมกันมาระยะหนึ่งแล้ว แม้ว่าภูมิใจไทยจะไม่มี ส.ส.ในพื้นที่กรุงเทพฯ แม้แต่คนเดียว แต่ผลงานรัฐบาลในส่วนที่พรรคภูมิใจไทยรับผิดชอบในหลายกระทรวง ได้ทำประโยชน์ให้กับคนกรุงเทพฯ มากมาย 

จึงเชื่อว่าผลงานที่ได้ทำไว้ตลอดการเป็นรัฐบาล จะส่งผลดีกับการเลือกตั้งครั้งหน้า อีกทั้งพรรคภูมิใจไทยปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ จึงเป็นเหตุผลที่มาร่วมงานกับพรรค และเชื่อว่าพรรคจะให้โอกาส นำปัญหาของคนกรุงเทพฯ มาเป็นนโยบายและแก้ไขต่อไป เพราะพรรคภูมิใจไทยพูดแล้วทำ

ทั้งนี้นโยบายของทีมกรุงเทพและพรรคมีแนวคิดตรงกัน แม้จะไม่ใช่เมกะโปรเจค แต่สามารถจับต้องได้ ไม่ใช่นโยบายเพ้อฝัน ที่จะทำให้ประเทศของเราพัฒนาไปได้ โดยที่ไม่ได้นึกถึงตำแหน่งหน้าที่ และตนเชื่อมั่นในตัวนายอนุทิน ที่จะมาเป็นผู้นำพรรค เป็นผู้นำของประเทศ และเป็นที่พึ่งของพวกเราได้

ขณะเดียวกัน นายพุทธิพงษ์ ยังได้อธิบายโลโก้ “ภูมิใจกรุงเทพ” ที่เป็นรูปหัวใจติดปีกว่า มาจากภารกิจหนึ่งของหัวหน้าพรรคที่ขับเครื่องบินรับส่งหัวใจให้ผู้ป่วย

สำหรับทีมคนรุ่นใหม่บางส่วนที่จะเป็นว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. กทม. มาจากตระกูลเก่าแก่ อาทิ น.ส.พีร์ปภาอร เสถียรไทย หลานสาวของ นายสุรเกียรติ เสถียรไทย  อดีตรองนายกรัฐมนตรี , นางศลิษา สิงหเสนี ,น.ส.พิชามญช์ ชมะนันทน์ ,น.ส.อัชญา จุลชาต , นายพศิน ชาญศิลป์ ซึ่งแต่ละคนมีโปรไฟล์และการศึกษาที่ดี

นอกจากนี้ นายอนุทิน ยังได้สวมเสื้อพรรคให้กับ นายวันชัย เจริญนนทสิทธิ์ อดีต ส.ส.นนทบุรี พรรคเพื่อไทย ที่เดินทางมาสมัครเป็นสมาชิกพรรคอีกด้วย

นายพุทธิพงษ์ กล่าวย้ำที่จะรักษาพื้นที่ทางการเมืองของอดีต ส.ส. ที่อยู่ในสังกัดทั้ง 8 เขต เลือกตั้งของกรุงเทพฯ เอาไว้ให้ได้ ยืนยันสู้เต็มที่ ต้องรักษาแชมป์ เพราะเราไม่ได้เริ่มจากศูนย์ แต่ทำการบ้านมานาน และเตรียมคน  

พร้อมยอมรับว่า การเลือกตั้งครั้งหน้า ส่วนหนึ่งจะมาจากผลของการทำพื้นที่ของว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. อีกส่วนก็เป็นเรื่องของกระแส ของแต่ละพรรคการเมือง และอาจต้องมีการปรับเรื่องนโยบาย เพราะเงื่อนไขต่างๆ เปลี่ยนไป เชื่อว่านายอนุทิน เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ที่สามารถมาเติมเต็มในสถานการณ์ปัจจุบัน โดยเป็นอีกหนึ่งจุดขายที่สามารถนำเสนอให้คนกรุงเทพฯ ได้เห็น เพราะด้วยคุณสมบัติที่ทำธุรกิจมานาน และมีเครือข่ายนักธุรกิจ รู้จักกับทูตต่างประเทศ จึงมั่นใจว่านายอนุทิน สามารถเป็นผู้นำของประเทศมาแก้ไขปัญหาบ้านเมืองได้

เมื่อถามว่า ชื่อของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กับการเลือกตั้งครั้งต่อไปได้หรือไม่ นายพุทธิพงษ์ ให้มุมมองส่วนตัวว่า เรื่องนี้ถือเป็นเสน่ห์และความสวยงามของระบอบประชาธิปไตย ที่ต้องมีการแข่งขัน เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ เสนอมาเป็นตัวเลือกให้กับประชาชนอย่างชัดเจนในการเลือกตั้งครั้งหน้า ก็เป็นทางเลือกหนึ่ง และย้ำว่าไม่มีใครดีกว่าใคร แต่อยู่ที่สถานการณ์ในวันนั้นว่าใครที่จะเหมาะเป็นผู้นำพาประเทศ

นอกจากนี้ นายพุฒิพงษ์ พูดถึงคุณสมบัติของตัวเองว่า ที่ไม่สามารถเป็นรัฐมนตรีได้ แต่ยังสามารถเป็น ส.ส. ซึ่งยังไม่ตัดสินใจว่า จะลงสมัครเลือกตั้งหรือไม่ เพราะอยู่ระหว่างจัดทัพผู้สมัครลงพื้นที่กรุงเทพฯ