เกือบ 15 ปีหลังจากที่เคยพบกันในนัดชิงชนะเลิศแชมเปี้ยนส์ลีก ฤดูกาล 2009-10 วันนี้ บาเยิร์น มิวนิค จ่าฝูงแห่งบุนเดสลีกา และ อินเตอร์ มิลาน แชมป์กัลโช่ เซเรีย อา เตรียมลงดวลแข้งกันอีกครั้งในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบก่อนรองชนะเลิศนัดแรก ที่สนามอัลลิอันซ์ อารีน่า คืนวันอังคารนี้
ทีมของ แว็งซ็องต์ ก็องปานี ผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายด้วยการเอาชนะ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น ได้สำเร็จ ขณะที่ อินเตอร์ มิลาน หยุดเส้นทางของเฟเยนูร์ดในรอบ 16 ทีม
ภารกิจล้างแค้นของบาเยิร์นต่อเลเวอร์คูเซ่นเสร็จสิ้นไปครึ่งหนึ่งแล้ว นอกจากจะนำเป็นจ่าฝูงเหนือทีมไร้พ่ายของชาบี อลอนโซ่ พวกเขายังเขี่ย "ห้างขายยา" ตกรอบแชมเปี้ยนส์ลีกไปเรียบร้อย
บาเยิร์นถล่มเลเวอร์คูเซ่นด้วยสกอร์รวม 5-0 (ชนะในบ้าน 3-0 และบุกไปชนะ 2-0) ทำให้พวกเขาผ่านเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายเป็นครั้งที่ 23 ในประวัติศาสตร์สโมสร และเป็นฤดูกาลที่ 6 ติดต่อกัน นอกจากนี้ บาเยิร์นยังเป็นทีมเดียวที่เข้าถึงรอบนี้ได้ทุกฤดูกาลนับตั้งแต่ปี 2019-20 ซึ่งเป็นปีที่พวกเขาคว้าแชมป์ยุโรปล่าสุด
ทีมจากแคว้นบาวาเรียยังคงลุ้นดับเบิ้ลแชมป์ หลังล่าสุดบุกชนะเอาก์สบวร์ก 3-1 เมื่อคืนวันศุกร์ ทิ้งห่างเลเวอร์คูเซ่น 6 แต้ม และมีโอกาสคว้าแชมป์ลีกในอีกไม่กี่สัปดาห์
แต่ชัยชนะดังกล่าวต้องแลกมาด้วยอาการบาดเจ็บของ จามาล มูเซียลา เพลย์เมคเกอร์ตัวเก่งที่กล้ามเนื้อฉีก คาดว่าอาจต้องพักทั้งฤดูกาล ซึ่งเป็นข่าวร้ายสำหรับแผนเจาะแนวรับอินเตอร์ที่เหนียวแน่น
แม้บาเยิร์นจะยิงไปแล้ว 28 ประตูในแชมเปี้ยนส์ลีกฤดูกาลนี้ (มากเป็นอันดับสองรองจากบาร์เซโลนา) แต่แนวรับของอินเตอร์ที่นำโดย ซิโมเน่ อินซากี้ ก็แข็งแกร่งไม่แพ้กัน โดยเสียไปเพียง 2 ประตูจาก 10 นัด
หนึ่งในสองประตูที่เสียไปเกิดขึ้นในเกมนัดสองกับเฟเยนูร์ด ซึ่ง ยาคุบ โมแดร์ ยิงจุดโทษเข้าไป แต่ก็ไม่มีผลเพราะ มาร์คุส ตูราม และ ฮาคาน ชัลฮาโนกลู พาทีมเข้ารอบด้วยสกอร์รวม 4-1
อินเตอร์ยังคงรอคอยแชมป์ยุโรปสมัยที่ 4 นับตั้งแต่ชนะบาเยิร์นในปี 2010 อย่างไรก็ตาม เกมลีกล่าสุดกับปาร์มา พวกเขาปล่อยให้คู่แข่งไล่ตีเสมอ 2-2 ทั้งที่นำก่อน 2-0 ทำให้มีแต้มทิ้งห่างจากนาโปลีแค่ 3 คะแนน
ที่น่ากังวลอีกอย่างคือฟอร์มนอกบ้าน อินเตอร์ชนะได้เพียง 2 จาก 8 นัดหลังสุดทุกรายการ และการเจอกับบาเยิร์นล่าสุดในรอบแบ่งกลุ่มปี 2022-23 ก็แพ้ทั้งเหย้า-เยือน 0-2
ผู้ชนะจากคู่นี้จะเข้าไปเจอกับผู้ชนะระหว่าง บาร์เซโลนา หรือ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ในรอบรองชนะเลิศ
การขาดหายไปของมูเซียลาทำให้ โธมัส มุลเลอร์ วัย 35 ปี อาจได้กลับมาเป็นตัวจริงในช่วงปลายอาชีพค้าแข้งกับทีม
อย่างไรก็ตาม ปัญหาอาการบาดเจ็บไม่ได้มีแค่มูเซียลา ยังรวมถึง อัลฟอนโซ่ เดวีส์ และ ดาโยต์ อูปาเมกาโน่ ที่เจ็บเข่า, คิงสลีย์ โกม็อง และ มานูเอล นอยเออร์ ก็ยังไม่พร้อมช่วยทีม
ข่าวดีคือ แฮร์รี่ เคน ไม่น่าจะมีปัญหา แม้จะมีภาพเขาประคบข้อเท้าด้วยน้ำแข็งในเกมลีก คาดว่าจะลงสนามได้ตามปกติ โดยเขาทำสถิติเป็นนักเตะอังกฤษคนแรกที่ยิงได้ 10 ประตูในแชมเปี้ยนส์ลีกฤดูกาลเดียว
เกมรับที่สะดุดในเกมกับปาร์มา อาจมาจากการที่ อเลสซานโดร บาสโตนี่ ถูกเปลี่ยนออกเพราะเจ็บเข่า แต่ดูเหมือนว่าเขาน่าจะฟิตทันเกมนี้
ส่วน เมห์ดี้ ตาเรมี, พิโอเตอร์ ซีลินสกี้ และ เดนเซล ดุมฟรีส์ ต่างมีอาการบาดเจ็บ ขณะที่ คริสเตียน อัสลานี่ ติดโทษแบนจากการสะสมใบเหลือง
การหายไปของซีลินสกี้และอัสลานี่ เปิดโอกาสให้ ดาวิเด้ ฟรัตเตซี่ หรือ เฟเดริโก้ ดิมาร์โก ลงมาเล่นร่วมกับ ชัลฮาโนกลู และ เฮนริค มคิทาร์ยาน โดยมี ตูราม กับ เลาตาโร่ มาร์ติเนซ (กัปตันทีม) เป็นกองหน้าคู่