19 เมษายน 2568 เวลา 19.20 น. พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วย พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) แถลงข่าวจับกุม นายชวนหลิง จาง 1 ในกรรมการผู้ถือหุ้น ของบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ก่อสร้างอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ที่พังถล่มลงมา ในความผิดตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 (นอมินี) ภายหลังศาลอาญา อนุมัติหมายจับนายชวนหลิง จาง พร้อมผู้ถือหุ้นคนไทยในบริษัทรวม 4 คน
พ.ต.อ.ทวี เปิดเผยว่า จำนวนผู้เสียชีวิตที่พิสูจน์ได้แล้วมีจำนวน 74 ราย บาดเจ็บ 9 ราย ซึ่งเป็นวันที่ 21 หลังจากเกิดเหตุการตึกถล่ม ในส่วนของการดำเนินคดี มีการดำเนินคดีอยู่ 2 หน่วยงานคือดีเอสไอ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งทั้งสองหน่วยงานได้ร่วมกันบูรณาการในการทำคดี โดยในวันนี้ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้มอบหมายให้ ร.ต.อ.สุรวุฒิ รังไสย์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ไปขอศาลออกหมายจับผู้ต้องหา จำนวน 4 ราย ซึ่งผู้ต้องหาดังกล่าวเป็นคนไทย 3 ราย ส่วนอีก 1 ราย เป็นชาวจีน และนิติบุคคล คือ บริษัทไชน่าฯ ในความผิดตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 (นอมินี)
ทั้งนี้ การประกอบธุรกิจของต่างด้าวจะต้องมีนิติบุคคลที่เป็นคนไทยถือหุ้น 51% และต่างด้าว 49% ซึ่งเรามีการสอบสวน พบหลักฐานที่เชื่อได้ว่า บริษัทได้นำคนไทยจำนวน 3 คน ซึ่งอยู่ระหว่างการติดตามไปถือหุ้นแทนคนต่างด้าว เนื่องจากมีหลักฐานทางการเงิน 2,000 กว่าล้านบาท ที่มีการกู้ยืมกรรมการบริษัทที่เป็นคนจีน
พ.ต.อ.ทวี กล่าวต่อว่า เรื่องนี้จึงเป็นเหตุให้บริษัทดังกล่าวเข้าทำสัญญากับสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ในรูปกิจการร่วมค้า ส่วนอีก 2 เรื่องที่ดีเอสไอทำอยู่ คือ การประมูลงาน เข้าข่ายการฮั้วประมูลหรือไม่ ซึ่งจะต้องทำอย่างรอบคอบ เนื่องจากหากเป็นต่างด้าว อำพรางนอมินี มาร่วมกันทำสัญญากับ สตง. ก็จะเข้าความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ มาตรา 7 คือ เป็นการใช้อุบาย หรือกระทำโดยวิธีอื่นใดเพื่อให้ได้งาน ซึ่งการเป็นนอมินีก็จะต้องตรวจสอบว่าเข้าข่ายหรือไม่
อีกทั้ง ในกระบวนการเราก็จะต้องสอบลึกลงไป เช่น พบว่ามีสัญญาออกแบบ ที่เป็นเรื่องของ สตง. และผู้ทำสัญญาโดยตรง เราจึงจำเป็นต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญในสาขาต่างๆ ค่อนข้างเยอะ ทั้งวิศวะ สถาปนิก รวมถึงยังมีอีก 1 สัญญา คือสัญญาการควบคุมงาน ซึ่งได้สอบปากคำไปเยอะแล้ว และวิศวกรที่ควบคุมงานส่วนใหญ่ก็จะปฏิเสธว่ามีการปลอมลายเซ็น รวมถึงวิศวะกรอื่นๆด้วยที่เข้ามาพบดีเอสไอว่าตนเองก็ถูกปลอมด้วย
นอกจากนี้ ยังมีสัญญาการแก้ไขแบบที่มีถึง 9 ครั้ง ซึ่งหลักฐานต่างๆ อยู่ระหว่างการขอข้อมูลจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงสัญญาสุดท้าย เรื่องการก่อสร้างที่เกิดขึ้น แม้จะไม่ใช่เรื่องที่เกี่ยวกับการก่อสร้างโดยตรง แต่ก็เป็นเหตุหนึ่งของการเข้าไปทำสัญญา
พ.ต.อ.ทวี ยืนยันว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่นายกรัฐมนตรี และรัฐบาลให้ความสำคัญ และเป็นเรื่องที่เราจะยืนยันกับประชาชนว่า เราทำอย่างตรงไปตรงมา และบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการทำงาน
และในคดีที่ตำรวจไปทำคือคดีคนบาดเจ็บ เสียชีวิต และสูญหาย ซึ่งตำรวจตั้งเรื่องไว้ว่าเป็นความประมาท เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย หรือถ้าสอบสวนต่อไปจะต้องอาศัยข้อมูลเป็นจำนวนมาก ซึ่งบางส่วนอาจใช้พยานหลักฐานในชุดเดียวกัน เช่นเรื่องการคุมงาน และการออกแบบ หรืออาจสืบสวนลึกลงไปว่ามีความเจตนาหรือไม่ ก็จะเป็นอีกส่วนหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า สำหรับนายชวนหลิง จาง เป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหา เราต้องเปิดโอกาสให้เขาขี้แจง และบริษัทไชน่าฯ ก็เป็นบริษัทที่มีชื่อเสียง จึงอยากเปิดโอกาสให้เขานำหลักฐานมาให้เจ้าหน้าที่ เพื่อที่เราจะพิสูจน์ว่าทำไมตึก สตง. ถล่มและทำให้คนตายเป็นจำนวนมาก ซึ่งก็พร้อมจะรับฟัง และดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา
ด้าน พ.ต.ต.ยุทธนา ระบุว่า ตอนนี้ตัวนายชวนหลิง จาง เพิ่งมาถึง และเข้าสอบปากคำกับพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ซึ่งต้องรอล่ามแปลภาษา และทนายความ เพื่อดำเนินการสอบสวนตามกระบวนการตามสิทธิของเขา ซึ่งเจ้าตัวก็ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่
ในส่วนการสอบสวนของกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้ดำเนินการอยู่ใน 3 เรื่อง คือ พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 (นอมินี) , พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 (ฮั้วประมูล) และ พ.ร.บ.มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ซึ่งมี 2 เรื่องที่อาจจะไม่เป็นผลโดยตรงที่อาจจทำให้ตึกถล่ม แต่อาจจะเป็นผลโดยอ้อมหรือการกระทำความผิดที่นำไปสู่เหตุที่เกิดขึ้นได้ ซึ่งเหตุผลโดยตรงที่เราอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน คือความผิดตาม พ.ร.บ.มาตรฐานทางอุตสาหกรรม วัสดุ เช่น เหล็กและปูนว่าได้มาตรฐานหรือไม่ซึ่งกำลังรวบรวมพยานหลักฐาน
ส่วนเรื่องนอมินี ไม่ใช่เรื่องโดยตรง แต่ก็สามารถทำให้พวกเขาเข้ามาประมูลงานในครั้งนี้ได้ จึงถือเป็นสาเหตุโดยอ้อม และความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานภาครัฐ ก็ยังอยู่ระหว่างการสอบสวน
ขณะที่ นอมินี 3 คนไทย อยู่ระหว่างการติดตาม โดยยืนยันว่ายังอยู่ในประเทศไทยทั้ง 3 คน โดยทั้ง 3 คน ถือหุ้นร่วมกันที่ 51% ในบริษัท แต่เราพิสูจน์แล้วว่าไม่ได้ถือด้วยตัวเอง แต่เป็นการอำพรางของบุคคลต่างด้าว
ส่วนจะมีบุคคลใดที่เกี่ยวข้องเพิ่มอีกหรือไม่ พ.ต.อ.ทวี เผยว่า เราดำเนินการตามรายข้อหา ก็เชื่อว่าจะมีผู้ที่เกี่ยวข้องถูกดำเนินคดีเพิ่ม ยืนยันว่าไม่ได้เป็นการกดดันพนักงานสอบสวน เพราะรัฐบาลขอให้พนักงานสอบสวนทำอย่างตรงไปตรงมา และคำนึงถึงความไม่ชอบมาพากลให้ได้รับการแก้ไขด้วย เพราะสังคมมีการตั้งคำถามของสังคมในขั้นตอน ซึ่งท้ายที่สุดหากเรื่องไปถึงคณะกรรมการป้องกัน และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ก็จะทำให้ดีที่สุด แต่ว่าการตั้งข้อหาเรื่องการฮั้วก็ไม่ได้ไปถึงข้าราชการ แต่เป็นการสร้างกลอุบายของบริษัทเอกชน
นอกจากนี้ บริษัทยังมีสัญญาอีก 11 สัญญา ซึ่งมีชื่อของคนไทยที่ไปร่วมมีมากกว่านั้น จึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดูแล แต่ขณะนี้ ดีเอสไอก็จะขอทำเรื่องตึกอาคาร สตง. ที่เป็นเหตุให้คนเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก
พล.ต.ต.ภานพ วรธนัชชากุล ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ระบุว่า ในเรื่องของวีซ่า ผู้ต้องหารายนี้จากการตรวจสอบจะหมดอายุในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2568 ซึ่งมีประวัติการเข้าออกประเทศอยู่เรื่อยๆ แต่ตอนนี้มีการจับกุมตามหมายจับไปแล้ว