19 เมษายน 2568 ความคืบหน้า กรณี นายสมิทธิพัฒน์ หลีนวรัตน์ หรือ พีช ขับรถ BMW เบียดรถกระบะลุงกับป้า เป็นเหตุให้ลุงได้รับบาดเจ็บสาหัส ซึ่งคืนที่ผ่านมา "พีช" ลูกนายกเบี้ยว ได้ย่องเงียบมาที่ สภ.ลำลูกกา เพื่อเข้ารับทราบ 4 ข้อหา
ขณะที่วันนี้ เวลา 15.00 น. กัน จอมพลัง พร้อมลูกผู้เสียหาย เดินทางมาติดตามคดี และรอพบ นายพีช หากต้องการมาขอโทษ ตามที่ให้สัมภาษณ์กับสื่อ ขณะที่ เฮียเบี้ยว นายกฤษฎา หลีนวรัตน์ ได้เดินทางมาที่ สภ.ลำลูกกา พร้อม นายพีช ที่นำพวงมาลัยมา 2 พวง เพื่อขอโทษครอบครัวผู้เสียหาย โดยระหว่างเดินขึ้นไปบนโรงพัก เฮียเบี้ยว ได้ตะคอกไล่สื่อว่า อย่าเบียด หลังวานนี้เกิดเหตุกล้องถ่ายภาพของสื่อ กระแทกศีรษะนายพีช จนได้รับบาดเจ็บ
ล่าสุด กัน จอมพลัง พร้อมครอบครัวของผู้เสียหาย ได้เดินมาที่ สภ.ลำลูกกา เพื่อพบพนักงานสอบสวนและนายพีช พร้อมระบุว่า พาทางครอบครัวและพยานมาพบตำรวจ รวมถึงเปิดทางให้นายพีชขอโทษ หรือพูดคุยกับครอบครัวของผู้เสียหาย โดยครอบครัวฝั่งลุง อยากให้พบกันต่อหน้าสื่อ เพื่อให้ทุกคนได้เห็นว่า นายพีช สำนึกผิดจริงหรือไม่ หรือถูกกดดันจากสังคม จึงออกมาขอโทษ เนื่องจากเมื่อวานนี้ นายพีช ได้พูดในรายการหนึ่งว่า หากลุงและป้าผู้เสียหายจอดรถ ก็จะไม่มีเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น
กัน จอมพลัง กล่าวต่อว่า คดีในช่วงแรกนั้น ตำรวจทางหลวงสรุปว่า เป็นการประมาทร่วม แต่หากเทียบกับคลิป และตามคำบอกเล่าของฝั่งครอบครัวผู้เสียหาย ตนมองว่า คนละเรื่อง ที่น่าสนใจก็คือ เรื่องของความเร็ว ที่มีพยานบางคนเห็นว่า ก่อนหน้านี้เจอกับรถของนายพีช มีการขับเร็ว 120 กิโลเมตร/ชั่วโมง จึงอยากให้ทางตำรวจสอบว่า ความเร็วที่ใช้ในเวลานั้นอยู่ที่เท่าไร หากความเร็วออกมาสูง การเบียดในลักษณะแบบนั้น จะสามารถทำให้ลุงกับป้าเสียชีวิตได้หรือไม่
และอีกประเด็นคือ ให้สอบหมอที่รักษาลุงว่า อาการกระดูกซี่โครงหัก 6 ซี่ สามารถทำให้เสียชีวิตได้หรือไม่ จะสามารถเพิ่มข้อกล่าวหาได้หรือไม่ รวมถึงเรื่องที่นายพีชมีการลงบันทึกประจำวัน ไว้ในช่วงวันเกิดเหตุที่ว่า ลุงขับชนตัวเอง ส่วนนี้จะเป็นการลงข้อความเท็จในเอกสารหรือไม่
กัน จอมพลัง เปิดเผยอีกว่า ก่อนที่ตนจะมา มีชายคนหนึ่งโทรหา ขอตนในบางเรื่อง ตนจึงตอบกลับไปว่า ให้หยุดปากแจ๋ว และขอให้นายพีชรู้สึกผิดจริงๆ และให้รับผิดชอบผู้เสียหายแบบเต็มที่ มองว่าจะเยียวยาในส่วนใดบ้าง เรื่องแบบนี้ไม่จำเป็นให้ใครมาบอก คนที่อาสารับใช้ประชาชนต้องคิดได้ และตามคำกล่าวอ้างของนายกเบี้ยวที่บอกว่า นายพีชว่ายังเด็ก อ่อนไหวและอ่อนประสบการณ์ จึงอยากถามกลับว่า หากยังอ่อนไหวและอ่อนประสบการณ์ จะมารับใช้ประชาชนได้หรือ
ไม่กังวลว่านายพีชจะเป็นลูกนักการเมือง หรือนามสกุลดัง หรือรวย อยากให้ทราบว่า คนจนก็มีแรงสู้ และต้องได้รับความยุติธรรม ที่ตำรวจปล่อยตัวนายพีช โดยไม่ให้วางหลักทรัพย์ ด้วยเหตุผลว่า เป็นเพราะมามอบตัว บรรทัดฐานตรงนี้ เป็นแบบนี้กับทุกคนหรือไม่
ด้าน นางสาวแสงอรุณ ลูกสาวผู้เสียหาย กล่าวว่า เมื่อวานที่นายพีชขอโทษผ่านทางรายการ มองว่า เป็นเพราะถูกกดดันจากสังคมและสื่อ จึงอยากทราบว่า รู้สึกผิดจริงหรือไม่ เพราะดูไม่เห็นความจริงใจเท่าไร ที่ออกมาขอโทษ เพาะจะนำไปประกอบในการลดทอนโทษของคดีหรือไม่ ตอนนี้ยังไม่สามารถพูดคำว่าอภัยได้ เพราะพ่อแม่ตนยังอยู่โรงพยาบาล อยากเห็นความรับผิดชอบแบบชัดเจน รวมถึงอยากได้รับความปลอดภัย ทั้งทางร่างกายและจิตใจ หาก กัน จอมพลัง ไม่มาช่วย คงไม่ได้รับคำขอโทษ และเรื่องคงไม่ดำเนินไว ส่วนเรื่องการเมือง ตนไม่ขอพูดถึงเรื่องนี้ ตนอยากให้มาขอโทษกลางสื่อ เพื่อแสดงความจริงใจ
หลังสัมภาษณ์ นายกเบี้ยว และนายพีช ได้ประสานขอให้ครอบครัวผู้เสียหายและ กัน จอมพลัง เข้าไปพูดคุยภายในสถานีตำรวจ แต่ครอบครัวผู้เสียหายและ กัน จอมพลัง ไม่ยอม จะให้ออกมาเจรจาต่อหน้าสื่อมวลชน จึงได้ส่งทีมงานเข้าไปเจรจาถึง 2 ครั้ง
จากนั้น นายกเลี้ยว และ นายพีช จึงออกมาพร้อมถือพวงมาลัย 2 พวง ก่อนยกมือไหว้ครอบครัวผู้เสียหาย กัน จอมพลัง จึงถามถึงเรื่องที่กล่าวในรายการ ที่ นายพีช พูดว่า "หากลุงจอด เรื่องจะไม่เกิดขึ้น" ทางครอบครัวติดใจในเรื่องนี้ แต่ทางนายกเบี้ยว ตอบว่า “เข้าใจ แต่เห็นใจผมบ้าง ผมเหนื่อยแล้วนะ” ก่อนที่ กัน จอมพลัง จะบอกว่า "ก็เข้าใจฝั่งครอบครัวบ้าง" ในจังหวะนั้นนายพีช จึงคุกเข่าลงต่อหน้าลูกสาวของผู้เสียหายเตรียมที่จะขอโทษ จากนั้นลูกสาวของผู้เสียหายก็ยื่นมือจะรับพวงมาลัย แต่ทางด้าน กัน จอมพลัง ได้ดึงตัวลูกสาวผู้เสียหายออก พร้อมกล่าวว่า "แบบนี้มัดมือชกเกินไป"
จากนั้น นายพีชได้พูดน้ำเสียงสั่นเครือว่า “ผมก็ขอโทษพี่นุ๊ก พี่นิก และคุณลุงคุณป้า ผมไม่เจตนาให้เป็นอย่างนั้น” กัน จอมพลัง สวนกลับทันทีว่า “ร้องไห้แล้วหรอ” นายพีชจึงกล่าวต่อว่า "และเรื่องค่าเสียหายทั้งหมดค่ารถ ค่าพยาบาล ยินยอมที่จะดูแลให้ ซึ่งเรื่องที่ตนไม่ได้ดูแลตั้งแต่วันแรก ตนยอมรับว่า ตกใจจริงๆ ไม่ได้มีเจตนาที่จะหนีไปไหน รู้สึกผิดที่ทำให้ลุงบาดเจ็บ หากมองย้อนกลับเป็นเป็นครอบครัวตนเอง ก็รู้สึกไม่ดีเช่นกัน มาวันนี้ก็ตั้งใจที่จะมาขอโทษแล้วก็ขอโอกาสสังคม หยุดด่าตนเอง"
ด้าน กัน จอมพลัง ถามกลับว่า “ทำไมวันเกิดเหตุถึงไม่เรียกรถพยาบาล” จังหวะนั้น นายกเบี้ยว จึงประคองนายพีชลุกขึ้น พาเดินออกจากวงสัมภาษณ์และพากลับขึ้นรถ โดยระหว่างที่ขึ้นรถนั้น นายพีช ได้ร้องไห้ออกมา พร้อมกับบอกว่า “ผมรู้สึกผิดแล้วก็ขอโทษแล้วนะพี่ ขอโทษอย่างจริงใจ รู้สึกผิด และ ทุกอย่างโจมตีมาที่ผม ทั้งที่ผมผิดคนเดียว แต่มันตามมาที่พ่อแม่ผม ผมรู้สึกว่ามันเยอะเกินไปแล้ว ผมรู้สึกไม่สบายใจ” จากนั้น พีชก็ได้ขึ้นรถไป โดย นายกเบี้ยว เดินตามหลัง ก่อนจะพูดส่งท้ายว่า "พอแล้วนะ"
จากนั้น กัน จอมพลัง กล่าวเพิ่มเติมว่า เป็นการเจรจาตรงไหน ซึ่งก็ผ่านมาหลายวันแล้ว ยังไม่รู้เลยว่าค่ารักษาพยาบาล ค่ารถใครจะเป็นคนจ่าย สิ่งที่เกิดขึ้นยังไม่มีความชัดเจน มองว่า ที่ทำแบบนี้ ทำไปเพื่อประกอบในการลดโทษ หากขอโทษด้วยความจริงใจ ในเมื่อครอบครัวมีคำถาม ทำไมถึงไม่สามารถตอบคำถาม ให้ครอบครัวสบายใจได้ มองว่ามันไม่ใช่เรื่องที่จะแสดงความจริงใจ ไม่ใช่ว่าอยากจะทำอะไรตามใจตัวเอง พอทำตามใจเสร็จแล้วก็ไป มองว่าวันนี้เป็นโอกาสของนายพีช ถ้าหากตัวเขาต้องการที่จะพูดคุย ตกลงทางครอบครัวก็ตกลงที่จะพูดคุย และให้เจอกับทางคุณลุงคุณป้าได้อย่างสบายใจ นายกัน จอมพลัง ยังบอกอีกว่า คำขอโทษใครๆ ก็พูดได้
ในขณะที่ลูกสาวบอกว่า มีคำถามที่อยากจะถามคู่กรณี แต่เขาไม่ให้ถาม ซึ่งครอบครัวติดใจว่า “นายพีช รู้สึกผิดจริงๆ ใช่ไหม ไม่ได้คิดว่าครอบครัวของตนเองเป็นคนผิดใช่ไหม” ซึ่งมองว่าการขอโทษครั้งนี้ “เหมือนอยากจะมาขอโทษให้เห็นว่า เขามาขอโทษแล้ว” และคิดว่าที่อีกฝ่ายร้องไห้ เนื่องจากคนเยอะ และถูกกดดัน เป็นการขอโทษไปตามสภาพที่อยากจะขอโทษ และคิดว่าไม่มีความจริงใจ ที่ผ่านมานายกเบี้ยวได้มีการมาขอโทษแทนลูกชายหลายครั้ง แต่คำว่าขอโทษควรจะทำให้ชัดเจนมากกว่านี้ ไม่ใช่ว่าเอาตะกร้ามาให้แล้วบอกว่า ขอโทษเพียงเท่านั้น ซึ่งที่ผ่านมามีเพียงแค่คำขอโทษ แต่ไม่มีการพูดคุยในเรื่องของการเยียวยาครอบครัว ส่วนนายกเบี้ยวมาคอยอยู่กับลูกตลอดเวลา มองว่าพ่อเขาก็รักลูกของเขา เหมือนที่เราก็รักพ่อกับแม่ของเรา เขาแสดงความชัดเจนในการเป็นพ่อที่รักลูก ส่วนจะมีการทำแทนหรือไม่นั้น ตนไม่ทราบ
ทั้งนี้ ที่หลายคน ตั้งคำถามว่าจะสามารถทำหน้าที่ดูแลประชาชนต่อไปได้หรือไม่นั้น ในเรื่องของการเมือง ตนขอไม่ตอบ ตนตอบในฐานะของลูกสาวผู้เสียหายเท่านั้น ยืนยันว่าคุณลุงกับคุณป้ายังไม่อยากเจอในนายพีช เนื่องจากยังติดตากับภาพวันเกิดเหตุ ยังไม่สะดวกใจรวมถึงยังมีความกังวล