เชลซี ยังคงเดินหน้าลุ้นแชมป์ ยูฟ่า ยูโรปา คอนเฟอเรนซ์ ลีก โดยมีโปรแกรมบุกเยือนสนามพาร์เค่น สเตเดี้ยม พบกับโคเปนเฮเกน ในศึกเลกแรกของรอบ 16 ทีมสุดท้าย คืนวันพฤหัสบดีนี้
ทีมเจ้าบ้านผ่านรอบเพลย์ออฟมาได้ด้วยการเอาชนะไฮเดนไฮม์ สโมสรจากบุนเดสลีกาด้วยสกอร์รวม 4-3 หลังจากจบอันดับที่ 18 ในรอบลีกด้วย 8 คะแนน ขณะที่เชลซีคว้าอันดับหนึ่งของรอบลีกด้วยสถิติไร้พ่าย 18 คะแนนเต็ม
โคเปนเฮเกนแพ้ไฮเดนไฮม์ 1-2 ในเลกแรกเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ แต่สามารถพลิกสถานการณ์กลับมาได้ในเลกสองด้วยชัยชนะ 3-1 หลังต่อเวลาพิเศษเมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ โดยพวกเขาสร้างโอกาสทำประตูได้ถึง 6 ครั้ง เทียบกับคู่แข่งที่ทำได้เพียง 2 ครั้ง
ทีมของกุนซือ ยาค็อบ นีสตรุป รั้งจ่าฝูงของลีกเดนมาร์กด้วย 40 คะแนน พร้อมคว้าสิทธิ์เข้าสู่รอบเพลย์ออฟชิงแชมป์ และพวกเขาหวังจะทำผลงานให้ดีกว่าการจบอันดับสามในฤดูกาล 2023-24
โคเปนเฮเกนเคยเผชิญหน้ากับเชลซีมาแล้ว 2 ครั้งในประวัติศาสตร์ ซึ่งเป็นเกมรอบ 16 ทีมสุดท้ายของยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก ปี 2011 และเป็นเชลซีที่เอาชนะไปด้วยสกอร์รวม 2-0
ทัพ "สิงโตแห่งแดนเหนือ" มีความมั่นใจเต็มเปี่ยมก่อนเกมนี้ เนื่องจากพวกเขาไม่แพ้ใน 4 นัดหลังสุด โดยชนะ 3 เสมอ 1 และมีสถิติที่ดีในเกมยุโรป โดยแพ้เพียง 2 จาก 7 นัดหลังสุด (ชนะ 3)
ขณะที่ผลงานในบ้านที่พาร์เค่น สเตเดี้ยม ก็ยอดเยี่ยม พวกเขาแพ้เพียงเกมเดียวจาก 9 นัดหลังสุดในรังเหย้า และชนะถึง 6 เกม
ฝั่งเชลซี เป็นทีมเดียวที่เก็บแต้มได้เต็ม 18 คะแนนในรอบลีก และเป็นทีมที่ยิงประตูได้มากที่สุด (26 ประตู)
ทีมของ เอ็นโซ่ มาเรสก้า ยิงได้อย่างน้อย 4 ประตูใน 4 จาก 6 นัดรอบลีก แต่มีข้อสังเกตว่าพวกเขาเก็บคลีนชีตได้เพียง 2 ครั้งในรอบดังกล่าว
ปัจจุบัน เชลซีอยู่ในเส้นทางลุ้นโควต้าแชมเปียนส์ ลีก โดยรั้งอันดับ 5 ของพรีเมียร์ลีก มี 46 คะแนน แต่มีคะแนนห่างจากทีมอันดับ 3 อย่างน็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ เพียง 6 คะแนน และห่างจากอันดับ 10 แอสตัน วิลล่าเพียง 6 คะแนนเช่นกัน
เชลซีเพิ่งเอาชนะเซาแธมป์ตัน 4-0 เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นเกมแรกในรอบ 8 นัดที่พวกเขาเก็บคลีนชีตได้
อย่างไรก็ตาม ฟอร์มโดยรวมของ "สิงห์บลูส์" ไม่ดีนัก พวกเขาแพ้ถึง 3 จาก 4 นัดหลังสุดในทุกรายการ และชนะเพียง 4 จาก 13 นัดล่าสุด
ที่สำคัญ เชลซียังไม่ชนะเกมเยือนมา 7 นัดติดต่อกัน (แพ้ 5) และแพ้ 4 นัดเยือนหลังสุดติดต่อกันด้วยสกอร์รวม 10-3
อาจไม่มี อันเดรียส คอร์เนลิอุส และ รูนี่ย์ บาร์ดกี้ ที่มีปัญหาความฟิต ขณะที่ จอร์แดน ลาร์สสัน จะหมดสิทธิ์ลงเล่นจนถึงกลางเดือนเมษายน
คาดว่า จอร์จี โกโชเลชวิลี, โมฮาเหม็ด เอลยูนุสซี่ และ เอลิอัส อาชูรี่ จะสนับสนุนเกมรุกอยู่ข้างหลัง อามิน เชียคา
วิลเลียม เคลม และ วิคเตอร์ โฟรโฮลต์ ลงเล่นเป็นคู่กองกลางตัวรับในเกมกับไฮเดนไฮม์ และน่าจะรักษาตำแหน่งไว้ เนื่องจาก ลูคัส เลราเกอร์ และ โอลิเวอร์ โฮเยอร์ อาจไม่มีชื่อในทีม
จะไม่มี เบอนัวต์ บาเดียชิล และ เทรโวห์ ชาโลบาห์ สองกองหลัง รวมถึงผู้รักษาประตู กาเบรียล สโลนิน่า
คาดว่า โทซิน อดาราบิโอโย และ ลีวาย โคลวิลล์ จะยืนเซ็นเตอร์แบ็ค โดยมี ฟิลิป ยอร์เกนเซ่น เป็นผู้รักษาประตู ส่วนกองกลางมี มอยเซส ไกเซโด้ และ เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ
ขณะที่ นิโกลัส แจ็คสัน และ โนนี่ มาดูเอเก้ ไม่พร้อมลงสนาม ทำให้ เปโดร เนโต้ อาจได้ออกสตาร์ทร่วมกับ เจดอน ซานโช่ และ คริสโตเฟอร์ เอ็นคุนคู