svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

"เกรียงศักดิ์" ชี้ "ศึกซักฟอกนายกฯ" ไม่ระคายถึงขั้นล้มรัฐบาล

23 มีนาคม 2568
เกาะติดข่าวสาร >> NationTV
logoline

"เกรียงศักดิ์"ชี้ "ศึกซักฟอก"นายกฯอิ๊งค์ ไม่ระคายถึงขั้นล้มรัฐบาลได้ แต่มุ่งเขย่าสร้างรอยร้าวแตกแยกในพรรคร่วม หวังผลสนามเลือกตั้งใหญ่รอบหน้า

23 มีนาคม 2568 ศ.ดร.เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ (ดร.แดน) ประธานสถาบันการสร้างชาติ และนักวิชาการอาวุโส มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด วิเคราะห์ประเด็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี ว่า ตนได้มองเห็นตั้งแต่มีการเจรจาต่อรอง เรื่องการเลือกตัวบุคคลที่ฝ่ายค้านจะอภิปรายและกรอบเวลา  ซึ่งท้ายสุดแล้วฝ่ายค้านเลือกซักฟอกเฉพาะนายกฯเพียงคนเดียวและมีการเจรจาต่อรองกับฝ่ายวิปรัฐบาล ที่แสนชาญฉลาด พยายามที่จะต่อรองให้ฝ่ายค้านได้เวลาน้อยที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ สรุปกันได้ที่ 30 ชั่วโมง แต่ต้องกระจายออกไปให้ทั้งฝ่ายรัฐบาลและครม.ด้วย จึงเป็นเหตุให้แนวโน้ม จะเห็นการอภิปรายและจบด้วยการลงมติอย่างที่เป็นมา โดยฝ่ายค้านก็ต้องวางคนอภิปรายที่เป็นช็อตเด็ดมาอยู่ช่วงที่คนดูเยอะ ๆเพราะไม่มีใครดูอภิปรายได้ตลอดทุกวัน และฝ่ายรัฐบาลก็พยายามจะหาทางประท้วงหรือยืดเวลาช็อตเด็ดออกไปให้อยู่ในช่วงคนดูน้อยๆ ดึกๆ ก็เป็นชั้นเชิงการต่อสู้ในเกมสภาจะเกิดแบบนี้ หากหัวหน้าฝ่ายค้านมีประสบการณ์ในสภาไม่พออาจจะไม่เห็นว่ามันมีชั้นเชิงกลไกในการตั้งรับในการซักฟอกครั้งนี้

โดยฝ่ายค้าน ประกอบด้วยแกนนำฝ่ายค้านหลัก คือพรรคประชาชน ฝ่ายค้านรอง คือ พรรคพลังประชารัฐ ซึ่งต้องร่วมมือกันซักฟอกรัฐบาล ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในการแสดงฝีมือในการอภิปรายไม่ไว้วางใจของนายณัฐพงศ์ เรืองปัญญาวุฒิ ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภา ที่เป็นนักการเมืองรุ่นใหม่ จะดูถูกไม่ได้ เพราะมีการศึกษา มีความคิด ความอ่านคงจะเรียบเรียงประเด็นได้ดี แต่ลีลาการอภิปรายก็สำคัญ เพราะว่าทฤษฎีการสื่อสาร ก็บอกว่าเนื้อหามีผลแค่ 7% ที่จะสามารถสร้างผลกระทบได้ แต่ส่วนใหญ่เป็น ลีลา น้ำเสียง คำพูด จะมีประสิทธิภาพ ประสิทธิผลอย่างไร ก็ต้องติดตามดูกัน

ทั้งนี้ จากการอภิปรายไม่ไว้วางใจทุกครั้งส่วนใหญ่ล้มรัฐบาลไม่ได้ ดูจากที่ผ่านมา อภิปรายทั้งคณะรัฐมนตรี ส่วนใหญ่ไม่เคยล้มรัฐบาลได้ ล้มได้แค่ครั้งเดียวเท่านั้นตั้งแต่ 2478-2564 อภิปราย 9 ครั้ง ทั้งคณะ ผ่านครั้งเดียวเท่านั้น ในปี 2478 แต่ไม่สามารถถอดถอนรัฐบาลได้ การอภิปรายรายบุคคล 36 ครั้ง ผ่านครั้งเดียวในปี 2526 สมัยรัฐบาลพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ฉะนั้นการอภิปรายครั้งนี้ เดาได้เลยว่าไม่มีผลกระทบในการล้มรัฐบาล แต่จะมีผลในการเขย่าภาพลักษณ์รัฐบาลเพื่ออนาคตในการเลือกตั้งรอบต่อไป เขย่าคะแนนรัฐบาลได้บ้าง และผลที่จะได้มากสุด ก็คือปรับคณะรัฐมนตรี ซึ่งรัฐบาลอยากปรับครม.อยู่แล้ว ก็ขอยืมมือการอภิปรายของฝ่ายค้านที่ทำให้ระคายเคืองเล็กน้อยมาปรับเพราะต้องการให้สมบัติผลัดกันชม โดยเฉพาะรัฐบาลบางประเทศ ชอบเปลี่ยนรัฐมนตรีทุก 6 เดือน ทุกปี ก็จะมีหมุนเวียนเพื่อแบ่งผลประโยชน์กันให้ทั่วถึงให้เกียรติแก่พวกตัวเองมีศักดิ์ศรีเพื่อใช้ในการจะลงเลือกตั้งครั้งหน้า 

ส่วนประเด็นที่ใช้อภิปรายผ่านคนที่เป็นตัวหลัก คือนายกฯ เพื่อหวังกระทบชิ่งไปถึงคนที่อยู่นอกรัฐบาล ผู้มีอำนาจเหนือพรรคนั้น ยุทธศาสตร์ของฝ่ายค้านไม่ใช่เรื่องการเปลี่ยนคณะรัฐมนตรี แต่ต้องการเขย่าให้เกิดความขัดแย้งกันมากขึ้นในรัฐบาล เป็นการบีบสัมพันธ์  ตามมาด้วย ร้าวสัมพันธ์ เมื่อบีบแรงไปมันก็ร้าวเกิดการร้าวสัมพันธ์ให้เห็น ในพรรคร่วมรัฐบาล พรรคใหญ่ทั้ง 2 พรรค สู้กันให้เห็นในที่สาธารณะ เพื่อต่อรองและบีบกันด้วยประเด็นทั้งเรื่องที่ดิน สนามกอล์ฟ กาสิโน สิ่งเหล่านี้คือตัวอย่างการเอามาบีบสัมพันธ์ในรัฐบาล เมื่อร้าวสัมพันธ์ สุดท้ายก็ไปถึงการแตกหัก ที่เรียกว่า แตกสัมพันธ์ กว่าจะไปถึงตรงนั้นคงใช้เวลาพักใหญ่

ศ.ดร.เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ (ดร.แดน) ประธานสถาบันการสร้างชาติ และนักวิชาการอาวุโส มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ศ.ดร.เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ (ดร.แดน) ประธานสถาบันการสร้างชาติ และนักวิชาการอาวุโส มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด

“เรื่องคอรัปชันเป็นประเด็นใหญ่สุด แต่จะมีหลักฐานที่ชัดเจนมาได้นั้นไม่ง่าย เพราะว่าการคอรัปชันจะเกิดได้ ต้องมาจากฝ่ายการเมือง ได้ความร่วมมือกับฝ่ายข้าราชการประจำชั้นผู้ใหญ่ ถ้าเป็นพวกกันแต่งมามาเอง ก็ต้องไว้ใจ ส่วนข้อมูลจะหลุดมาจากเจ้าหน้าที่ระดับล่างก็ด้วยวิธีมีแรงจูงใจ บางกรณีถึงขั้นมีการซื้อข้อมูลเพื่อเอาออกมาอภิปรายก็มี“ 

ศ.ดร.เกรียงศักดิ์ กล่าวว่าคนที่เคยอยู่ในอำนาจรัฐมีลูกน้องเก่าอยู่ก็อาจจะสามารถได้ข้อมูลเด็ดมาตนคิดว่า ความสำคัญอยู่ที่ฝีมือ "บิ๊กป้อม" พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค พลังประชารัฐซึ่งเป็นผู้มีบารมีในอดีตตลอดมาจะอภิปรายได้มากน้อยแค่ไหน แต่ข้อมูลเด็ดถ้ามีน่าจะมาจากฝ่ายค้านคือ “บิ๊กป้อม” ส่วนข้อเสียของฝ่ายค้านก็คือจะถูกมองว่าเล่นเกมการเมือง แต่ต่างฝ่ายก็ต้องเล่นเกมการเมืองบ้างเป็นธรรมดาและโอกาสที่จะทำผลลัพธ์ถึงขั้นเปลี่ยนแปลงประเทศชาติโอกาสยังน้อย ยกเว้น “บิ๊กป้อม” มีข้อมูลเด็ด จนเป็นเงื่อนไขให้รัฐบาล ไม่สามารถดันทุรังอยู่ต่อได้ และผลการเขย่ารัฐบาลครั้งนี้จะไป
เพิ่มให้การเลือกตั้งรอบต่อไป ว่าใครจะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล  ถ้าไม่ใช่พรรคเพื่อไทย ก็ต้องเป็นพรรคภูมิใจไทย หรือไม่ก็มีพรรคใหม่ ที่จะสร้างปรากฏการณ์ใหม่ขึ้นมาเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้ในยุคหน้า

logoline