ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ ในยุคใหม่ภายใต้การคุมทัพของ “แอนจ์” หรือ อังเก้ ปอสเตโคกลู เป็นทีมที่สร้างความตื่นตาตื่นใจให้แฟนบอลอยู่เสมอ ด้วยสไตล์การเล่นที่เน้นเกมบุกตลอด 90 นาทีไม่ว่าจะเจอทีมไหน ทำให้เจ้าตัวกลายเป็นขวัญใจของเหล่าแฟนบอลได้อย่างรวดเร็วตั้งแต่ยังไม่ทันพ้นครึ่งซีซั่นแรกที่เข้ามาคุมทีม เพราะทุกคนมองว่า แอนจ์ คือผู้ปลุกความเป็นตัวตนของ สเปอร์ส กลับมาอีกครั้ง
อย่างไรก็ตามซีซั่นนี้ "ไก่เดือยทอง" กลับเริ่มต้นฤดูกาลได้อย่างกระท่อนกระแท่น หลังจากแพ้คาบ้านให้กับอิปสวิช ทาวน์ไป 1-2 เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา และกลายเป็นชัยชนะนัดแรกของ "ม้าขาว" ในลีกฤดูกาลนี้ โดยทีมเยือนได้สองประตูตั้งแต่ต้นเกม แม้ว่า สเปอร์ส จะได้ประตูปลอบใจในครึ่งหลัง แต่ผลของเกมนี้ทำให้ทีมของแอนจ์ รั้งอันดับที่ 10 ของตารางพรีเมียร์ลีก โดยเก็บชัยชนะได้เพียง 5 ครั้งจาก 11 เกมแรก และแพ้ไปถึง 5 นัดแล้ว
สิ่งที่น่ากังวลสำหรับแฟนๆ คือปัญหาของทีมไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้น เพราะเมื่อลองดูคะแนนรวมของทีมในพรีเมียร์ลีกนับตั้งแต่เริ่มปีปฏิทิน 2024 เป็นต้นมา จะเห็นว่า สเปอร์ส อยู่ในอันดับที่ 8 แม้กระทั่ง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ถูกวิจารณ์อย่างหนักจนต้องปลด เอริค เทน ฮาก ออกจากตำแหน่งกุนซือ ยังทำได้ดีกว่าเสียด้วยซ้ำ
โดย สเปอร์ส เก็บได้เพียง 43 คะแนนตลอด 10 เดือนที่ผ่านมา (แมนฯยูไนเต็ด เก็บไปได้ 44 แต้ม) ตอนนี้จึงกลายเป็นว่า สเปอร์ส ลดระดับคุณภาพของตัวเองลง ไปตามหลังทีมอย่างนิวคาสเซิ่ล, แอสตัน วิลล่า และเชลซี ซึ่งดูเหมือนจะมีศักยภาพที่ดีกว่าในการท้าทายตำแหน่งท็อปโฟร์ในฤดูกาลนี้เสียแล้ว
สรุปแล้ว อะไรที่ผิดพลาดสำหรับ สเปอร์ส และผู้จัดการทีมของพวกเขาจะสามารถแก้ไขสถานการณ์ก่อนที่จะเลวร้ายเกินไปกว่านี้ได้หรือไม่?
หลายคนมองว่าสาเหตุหลักมาจาก “แท็กติก” ของกุนซือนั่นเอง จริงอยู่ที่ แอนจ์ มีชื่อเสียงด้านสไตล์ฟุตบอลที่น่าตื่นเต้นและเปิดเกมบุก และแท็กติกของเขาได้พา สเปอร์ส คว้าชัยชนะอย่างน่าประทับใจในหลายๆนัด เช่นการชนะ 3-0 เหนือแมนฯยูไนเต็ด, ชนะ แอสตัน วิลล่า 4-1 รวมถึงการชนะแมนฯซิตี้ 2-1 ในคาราบาวคัพ โดยในแต่ละนัดนั้น สเปอร์ส สามารถใช้แผนการเล่นที่บุกหนักแลกหมัดกับคู่แข่งได้อย่างสนุก
อย่างไรก็ตาม ปัญหาของ สเปอร์ส จะเกิดขึ้นทันทีเมื่อทีมตรงข้ามไม่ยอมบุกแลกด้วย แต่เลือกใช้วิธีถอยร่นหรือตั้งเกมรับลึกเพื่อตัดแผนการเล่นของแอนจ์ เช่นในเกมที่เสมอเลสเตอร์ ซิตี้ 1-1 หรือเกมที่แพ้นิวคาสเซิ่ล, ไบรตัน และคริสตัล พาเลซ และล่าสุดคือเกมแพ้อิปสวิช
สเปอร์ส เป็นทีมที่สามารถทำประตูได้อย่างมีประสิทธิภาพเมื่อเจอกับทีมที่เปิดพื้นที่ในแนวรับ แต่ในระยะหลัง ทีมกลับทำได้เพียง 4 ประตูจาก 4 เกมที่เจอกับทีมระดับต่ำกว่า เช่น เฟเรนช์วารอซ, อาแซด อัล์คมาร์, คริสตัล พาเลซ และอิปสวิช ซึ่งชัดเจนว่าความสามารถในการเจาะกำแพงของทีมที่เน้นตั้งรับยังเป็นจุดอ่อนของสเปอร์สในฤดูกาลนี้
อีกหนึ่งปัญหาสำคัญคือ โดมินิก โซลันกี้ กองหน้าดาวเด่นของทีม ซึ่งเมื่อฤดูกาลที่แล้วทำผลงานได้ดีกับ บอร์นมัธ ซึ่งเป็นทีมที่เน้นเกมโต้กลับ แต่ในฤดูกาลนี้ เขายังไม่สามารถสร้างโอกาสในการทำประตูได้ในเกมที่ต้องเจอกับแนวรับที่หนาแน่น โดยเฉพาะในเกมกับเลสเตอร์ ซิตี้, เวสต์แฮม, คริสตัล พาเลซ และอิปสวิช โซลันกี้ทำประตูไม่ได้เลยแม้จะได้ลงเล่นในทุกเกมดังกล่าว
เมื่อดูสถิติ กองหน้าทีมชาติอังกฤษรายนี้มีค่าเฉลี่ยการทำประตูอยู่ที่ 0.45 ลูกต่อ 90 นาทีเท่านั้นในฤดูกาลนี้ ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยสูงสุดในอาชีพ (0.51 ประตูต่อ 90 นาที) ที่ทำไว้เมื่อซีซั่นที่แล้วเสียอีก ทั้งๆที่องค์ประกอบของทีมในปัจจุบันอย่าง สเปอร์ส มีความสมบูรณ์พร้อมมากกว่า บอร์นมัธ หลายขุม
จึงเป็นการบ้านที่ "แอนจ์" ต้องรีบแก้ไขโดยด่วนในช่วงพักเบรกทีมชาติช่วงนี้ ที่จะต้องพยายามหาวิธีการใหม่ๆเพื่อเก็บชัยชนะให้ได้มากที่สุด เพื่อการลุ้นตำแหน่งท็อปโฟร์ต่อไป มิเช่นนั้น คำกล่าวที่แฟนบอลทีมอื่นชอบเอามาล้อเลียนว่า “ก็แค่สเปอร์ส” เอาแน่เอานอนอะไรไม่ได้ จะย้อนกลับมาเล่นงานพวกเขาอีกครั้ง