13 พฤศจิกายน 2567 เป็นอีกตำนานของวัดสวนแก้ว จ.นนทบุรี กรณีคดีโฉนดถุงกล้วยแขก ที่แม้ในส่วนของคดีความจบลงไปนานแล้ว โดยมูลนิธิวัดสวนแก้วเป็นฝ่ายแพ้คดี หมดกรรมสิทธิ์ครอบครองที่ดิน ที่ซื้อมาอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ทำให้ทางวัดสวนแก้วต้องแพ้คดีให้กับทายาทเจ้าของที่ดิน และต้องชดใช้เงินค่าเสียหายอีกจำนวน 1.9 ล้านบาทกับคู่กรณี
ล่าสุดช่วงบ่ายวันนี้ (13 พ.ย.) ที่ลานอนุสาวรีย์ถุงกล้วยแขก วัดสวนแก้ว พระราชธรรมนิเทศ พระพยอม กัลยาโณ เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว พร้อมด้วย ทนายอนันตชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม ได้แถลงข่าวปิดคดีข้อพิพาทที่ดินถุงกล้วยแขกของวัดสวนแก้ว หลังพระพยอมได้ส่งเรื่องขอความช่วยเหลือ เรื่องที่ดินแปลงดังกล่าว กับทนายอนันตชัย จนในที่สุดในวันนี้สามารถเจรจาไกล่เกลี่ย กับทางทายาทเจ้าของที่ดินได้สำเร็จ จึงได้ร่วมกันแถลงข่าวเรื่องการปิดตำนานโฉนดถุงกล้วยแขกของวัดสวนแก้ว หลังสู้คดียืดยื้อมานานกว่า 20 ปี
ทนายอนันตชัย กล่าวว่า ตนในฐานะทีมทนายความที่ได้รับเรื่องร้องเรียนจากหลวงพ่อเมื่อวันที่ 17 ส.ค. 67 ที่ผ่านมา โดยทางวัดต้องการให้ทางมูลนิธิกองทัพธรรม ยื่นมือเข้ามาแก้ไขปัญหาเรื่องโฉนดที่ดินถุงกล้วยแขก หลังมีข้อพิพาทมาเกือบ 20 ปี โดยตนคิดว่า การใช้พระเดชในเรื่องนี้ไม่สามารถใช้ได้ ต้องใช้พระคุณเพื่อแก้ปัญหา ตนจึงได้ตรวจสอบเรื่องราวทั้งหมดตั้งแต่วันที่ 19 ต.ค. 67 เมื่อได้เข้ามาพูดคุยกับหลวงพ่อ เพื่อสืบหาเรื่องราวทั้งหมดแล้ว ก็อดสงสัยไม่ได้ว่า ทำไมหลวงพ่อเก็บเงินซื้อที่ดินได้ 300 กว่าไร่ เพื่อทำสวนพฤกษศาสตร์ ตนรู้สึกว่าวัดทำเรื่องดีไม่มีที่ไหนทำมาก่อน แต่ตนก็แปลกใจที่หลวงพ่อ มานั่งเสียดายกับโฉนดที่ดินเลขที่ 55600 แค่เนื้อที่ 1 ไร่ 1 งาน 55 ตารางวา จนตนเพิ่งมาทราบว่า เงินจำนวน 10 ล้านที่ซื้อที่ดินนั้น เป็นเงินจากพระเกจิผู้ใหญ่จากทั่วประเทศ กับประชาชนที่บริจาคมาให้เพื่อซื้อที่ดิน
โดยหลวงพ่อต้องการปกป้องเงินของครูบาอาจารย์ ที่นำมาซื้อที่ดินแปลงนี้ ซึ่งก่อนซื้อทางหลวงพ่อก็ได้สอบถามทุกหน่วยงานเรียบร้อยแล้ว หลังนางวันทนายื่นฟ้องร้องปรปักษ์ จนได้ที่ดินผืนดังกล่าวมาครอบครอง ก่อนนำมาขายให้กับทางวัดเมื่อปี 2547 แต่ต่อมาถูกทางทายาทเจ้าของที่ดิน ร่วมกันฟ้องร้องขอเพิกถอน เพราะเป็นที่ดินมรดก จนชนะคดีในที่สุด ทำให้ทางวัดเสียที่ดินกลับคืนไปพร้อมกับเงินที่ทางวัดจ่ายไป
ทนายอนันตชัย กล่าวอีกว่า หลวงพ่อและเจ้าของที่ดินเป็นผู้สุจริตทั้งคู่ ต่อมาศาลพิพากษาให้ทางวัดรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างทั้งหมด และย้ายออกจากที่ดิน เมื่อปี 2565 ที่ดินนี้ต่อสู้กันมายาวนาน 18 ปี เมื่อตนลงมาตรวจสอบแล้วจึงได้เสนอให้เจรจาไกล่เกลี่ย โดยตนเป็นตัวแทนเจรจา ไปคุยกับเจ้าของที่ดิน ตระกูลหิรัญประดิษฐ์ ทุกอย่างจบกันด้วยดีในวันนี้ ตนจึงเสนอให้หลวงพ่อแถลงข่าวปิดตำนานอนุสาวรีย์ถุงกล้วยแขกในวันนี้ โดยเตรียมรื้ออนุสาวรีย์ดังกล่าวออกทั้งหมด
ปัจจุบันทางวัดยังต้องผ่อนชำระเงิน เพื่อชดใช้ให้กับเจ้าของที่เป็นเงิน 1.9 ล้านบาท ตนจึงได้เสนอให้ทางวัดตั้งกองผ้าป่า เพื่อปลดล็อคซื้อที่ดินวัดสวนแก้ว ไปจ่ายชำระให้กับคู่กรณี เพื่อให้เรื่องนี้จบลงด้วยดี โดยทางวัดจะตั้งเป็นกองผ้าป่าเปิดรับบริจาค เพื่อนำเงินมาชำระค่าเสียหายให้กับเจ้าของที่ดินต่อไป ตนหวังว่าการปิดตำนานจะเป็นผลดีกับทุกฝ่าย และทางวัดก็จะได้ซื้อที่ดินแปลงนี้กลับคืนมา เพราะเงินของครูบาอาจารย์ที่ได้นำมาใช้ซื้อที่ดินไปหมดแล้ว
ด้าน พระพยอม กล่าวว่า คดีโฉนดถุงกล้วยแขกยาวนานมาถึงเกือบ 20 ปี วันนี้เป็นวันปิดตำนาน มีทนายอนันตชัย เข้ามาช่วยจนเรื่องจบสิ้น ทางวัดจะได้แกะโซ่ที่ล่ามที่ดินแปลงนี้เสียที วันนี้ถือเป็นวันที่มีข่าวที่เป็นมงคลน่าปลื้มใจ ทางกรมที่ดินก็คงจะปลื้มใจ หลังวัดปลดล็อคเรื่องที่ดินได้สำเร็จ ทางทายาทตระกูลหิรัญประดิษฐ์ ก็จะได้หมดเรื่องแครงใจกันกับวัด สบายใจขึ้นทุกฝ่าย โดยทางวัดเตรียมนำกระเช้า ไปให้ทางทายาทที่ยอมผ่อนปรนเรื่องนี้ให้จบลงด้วยดี
สุดท้ายนี้ทางวัดได้มีทนายมาเป็นที่พึ่งให้กับวัดและศาสนา เรื่องนี้จบลงด้วยดีไม่มีคำว่าเจ็บใจกันอีกต่อไป ทั้งนี้ทางวัดสวนแก้ว ไม่มีเงินเพื่อจะชำระหนี้ดังกล่าว จึงได้ตั้งกองผ้าป่าปลดล็อคแผ่นดิน วัดสวนแก้ว เปิดบัญชีออมทรัพย์ ธนาคารกรุงไทย สาขาบางบัวทอง เลขที่ 121-1-18038-7 พุทธศาสนิกชนที่ต้องการบริจาคเพื่อช่วยเหลือวัดสวนแก้ว สามารถร่วมบริจาคได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป โดยทางวัดจะนำเงินไปใช้หนี้ให้กับเจ้าของที่ดินตามคำสั่งศาลต่อไป