นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ แถลงถึงแผนจัดสรรน้ำและการเพาะปลูกข้าวนาปรังปี 67/68 ว่า กรมชลประทาน ได้เตรียมแผนบริหารจัดการน้ำฤดูแล้ง เพื่อการเพาะปลูก ปี 2567/2568 ระหว่างวันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 ถึง 30 เมษายน 2568 ในภาพรวมทั้งประเทศ โดยบริหารจัดการจากปริมาณน้ำต้นทุนในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ ขนาดกลาง และขนาดเล็ก ที่มีปริมาณน้ำใช้การอยู่ในเกณฑ์ดีถึงดีมาก รวมทั้งสิ้น 44,250 ล้าน ลบ.ม.ตามข้อมูลวันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 พบว่า ปริมาณน้ำมากกว่าปีที่ผ่านมาถึง 3,863 ล้าน ลบ.ม. และจากปริมาณน้ำดังกล่าว ทำให้สามารถเพิ่มพื้นที่การเพาะปลูกได้อีก 1,200,000 ไร่ ซึ่งรวมแผนเพาะปลูกข้าวนาปรังทั่วประเทศในปีนี้ 10.02 ล้านไร่ และได้วางแผนจัดสรรน้ำฤดูฝนปี 2568 จำนวน 29,170 ล้าน ลบ.ม.
นอกจากนั้น ยังสำรองไว้ใช้ในต้นฤดูฝนปี 2568 จำนวน 15,080 ล้าน ลบ.ม. สำหรับ 4 กิจกรรม ประกอบด้วย น้ำสำรองเพื่ออุปโภค-บริโภค 3,050 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 10% จากแผนฯ, น้ำเพื่อการรักษาระบบนิเวศและอื่น ๆ 8,765 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 30% จากแผนฯ, น้ำเพื่อเกษตรกรรม 16,555 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 57%จากแผนฯ และน้ำเพื่ออุตสาหกรรม 800 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 3% จากแผนฯ ซึ่งขณะนี้ ได้จัดสรรน้ำไปแล้วตั้งแต่ 1 พฤศจิกายน 2567 ถึง 12 พฤศจิกายน 2567 จำนวน 991 ล้าน ลบ.ม.คิดเป็น 4% จากแผนฯ คงเหลือที่ต้องจัดสรรอีก 28,179 ล้าน ลบ.ม.คิดเป็น 96% จากแผนฯ ซึ่งปัจจุบันข้อมูลตามวันที่ 12 พฤศจิกายน 2567 มีปริมาณน้ำเก็บกัก 63,908 ล้าน ลบ.ม.และปริมาณน้ำใช้การ 39,922 ล้าน ลบ.ม. และคาดการณ์ว่า 1 พฤษภาคม 2568 จะมีปริมาณน้ำเก็บกัก 44,032 ล้าน ลบ.ม.และปริมาณน้ำใช้การ 20,489 ล้าน ลบ.ม.ซึ่งเพียงพอที่จะบริหารจัดการเพื่อการเกษตรจนสิ้นสุดฤดูแล้งนี้
“จากการสำรวจเบื้องต้นพบว่า ในบางพื้นที่ เกษตรกรสามารถทำนาปรัง ต่อเนื่องจากนาปีได้ ตั้งแต่ก่อนวันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 แล้วกว่า 750,000 ไร่ เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วประมาณ 550,000 ไร่ โดยใช้ประโยชน์จากน้ำช่วงน้ำหลากในการเพาะปลูก ขณะที่ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้สั่งการให้เร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่ลุ่มต่ำบริเวณลุ่มน้ำเจ้าพระยาให้แล้วเสร็จก่อนแผนที่วางไว้ เพื่อให้เกษตรกรสามารถเริ่มเพาะปลูกข้าวนาปรังได้เร็วยิ่งขึ้น ช่วยให้การปรับปฏิทินการเพาะปลูกมีประสิทธิภาพ พร้อมรองรับการเก็บเกี่ยวให้ทันก่อนเข้าสู่ฤดูน้ำหลากในปีถัดไป” นางนฤมล กล่าว
ขณะที่ นายเอกภาพ พลซื่อ โฆษกกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (ฝ่ายการเมือง) ย้ำว่า รัฐมนตรีว่าการกระรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ติดตามกำชับให้การบริหารจัดการน้ำในทุกพื้นที่ สอดคล้องกับสถานการณ์ เพื่อให้มีน้ำเพียงพอสนับสนุนทุกกิจกรรมไปตลอดช่วงฤดูแล้งนี้ แม้ในปีนี้ จะเกิดสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคเหนือ แต่ยังบริหารจัดการกักเก็บน้ำได้ในปริมาณมาก และวางแผนจัดสรรสำหรับเพาะปลูกช่วงฤดูแล้งได้อย่างเพียงพอ