svasdssvasds
เนชั่นทีวี

กีฬา

ที่สุดแห่ง "ยูโร 2024" รอบแบ่งกลุ่ม

ประมวลเรื่องราวที่น่าสนใจจากศึกฟุตบอล "ยูโร 2024" ที่เพิ่งจบการแข่งขันรอบแบ่งกลุ่มไปเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งมีทั้งที่ทำผลงานได้อย่างโดดเด่นและที่น่าผิดหวัง

ศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป "ยูโร 2024" ที่ประเทศเยอรมนี จบการแข่งขันรอบแบ่งกลุ่ม พร้อมกับได้ 16 ทีมที่ผ่านเข้าสู่รอบน็อกเอาต์เป็นที่เรียบร้อย

จากการแข่งขันเกือบ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา มีเรื่องราวที่น่าสนใจเกิดขึ้นมากมาย โดย "เนชั่นทีวี" ขอรวบรวมเรื่องทั้งหมดพร้อมคัดเลือกความเป็น "ที่สุด" ของรอบแบ่งกลุ่ม ดังนี้

ที่สุดแห่ง \"ยูโร 2024\" รอบแบ่งกลุ่ม
ทีมฟอร์มเยี่ยมที่สุด: ทีมชาติสเปน
"กระทิงดุ" ผ่านเข้าถึงรอบรองชนะเลิศศึกยูโรครั้งที่แล้ว แต่กลับโชว์ฟอร์มน่าผิดหวังในฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์ จนต้องกลับไปสร้างทีมใหม่ และกลับมาแข่งขันยูโรครั้งนี้ได้อย่างแข็งแกร่ง

ตอนนี้ สเปน ไม่ใช่ทีมรวมดารา เรอัล มาดริด-บาร์เซโลน่า เหมือนในอดีต แต่เป็นทีมที่ผสมผสานนักเตะชั้นดีจากหลายๆทีมและหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน ภายใต้การนำทัพของ หลุยส์ เด ลา ฟูเอ็นเต้ กุนซือที่ทำทีมชาติชุดเล็กมาอย่างยาวนาน และรู้จักคุ้นคยกับนักเตะชุดนี้เป็นอย่างดี

"กระทิงดุ" เป็นทีมเดียวในทัวร์นาเมนต์นี้ที่ชนะรวดทั้ง 3 นัดในรอบแบ่งกลุ่ม ทั้งๆที่อยู่ในกลุ่มสุดหินที่มีทีมแกร่งอย่าง อิตาลี และ โครเอเชีย อยู่ด้วย โดยยิงไปทั้งสิ้น 5 ลูก แถมยังไม่เสียแม้แต่ประตูเดียว

ที่สุดแห่ง \"ยูโร 2024\" รอบแบ่งกลุ่ม

ทีมที่ฟอร์มแย่ที่สุด: ทีมชาติสกอตแลนด์
ผ่านเข้ารอบสุดท้ายในรายการเมเจอร์ (ฟุตบอลโลก-ฟุตบอลยูโร) มาแล้วถึง 12 ครั้ง แต่ตกรอบทุกครั้ง เป็นสถิติที่ยืนหนึ่งเหนือใครและไม่มีทีมใดอยากทำตาม

สกอตแลนด์ภายใต้การคุมทัพของ สตีฟ คลาร์ก มีแค่แต้มเดียวจากสถิติเสมอ 1 แพ้ 2 เสียถึง 7 ลูก และยิงได้แค่ 2 ประตูเท่านั้น โดยสองประตูที่พวกเขาทำได้มาจากการทำเข้าประตูตัวเองของ อันโตนิโอ รือดิเกอร์ ในเกมแพ้เยอรมนี 1-5 ส่วนอีกลูกได้จากจังหวะที่ สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ ยิงบอลไปแฉลบ ฟาเบียน ชาร์ เปลี่ยนทางเข้าประตู

นั่นหมายความว่าพวกเขายิงประตูไม่ได้เลยในยูโรครั้งนี้หากไม่มี "โชค" เข้ามาช่วย

ตลอด 3 นัดในยูโรครั้งนี้ สกอตแลนด์มีโอกาสยิงรวมทั้งสิ้น 17 ครั้ง ถือเป็นสถิติที่ต่ำที่สุดที่เคยบันทึกไว้ในยูโรรอบแบ่งกลุ่ม มีเพียงไอร์แลนด์เหนือในปี 2016 เท่านั้นที่มีสถิติแย่กว่า

นั่นคือเหตุผลที่ทำไมถึงเลือก สกอตแลนด์ เป็นทีมที่แย่ที่สุดในยูโรครั้งนี้

ที่สุดแห่ง \"ยูโร 2024\" รอบแบ่งกลุ่ม

เซอร์ไพรส์ที่สุด: ทีมชาติออสเตรีย
จากการถกแฟนบอลล้อเลียนเป็นตัวตลกเมื่อครั้งคุมทัพ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แต่มาวันนี้ กุนซือ ราล์ฟ รังนิค สามารถพาทีมนอกสายตาอย่างทีมชาติออสเตรียคว้าแชมป์กลุ่มดี ที่มีทีมแกร่งอย่างฝรั่งเศสและเนเธอร์แลนด์ ได้อย่างพลิกความคาดหมาย

แม้ ออสเตรีย จะออกสตาร์ทไม่ดีนัก ด้วยการพ่าย ฝรั่งเศส 0-1 แต่หลังจากนั้นพวกเขาเก็บชัย 2 นัดรวด เหนือโปแลนด์และเนเธอร์แลนด์ ด้วยผลงานที่น่าประทับใจ แท็กติกการเพรสซิ่งสูงตั้งแต่แดนบนที่ รังนิก พยายามติดตั้งให้แมนฯยูไนเต็ดแต่ไม่สำเร็จ ก็มาทำได้กับทีมชุดนี้ 

ออสเตรีย อาจไม่ใช่ทีมที่มีซูเปอร์สตาร์ชูโรง แต่ในแง่ของการเล่นเป็นทีมแล้ว พวกเขามีมากกว่าทีมใดในยูโรครั้งนี้

ที่สุดแห่ง \"ยูโร 2024\" รอบแบ่งกลุ่ม

น่าผิดหวังที่สุด: ทีมชาติอังกฤษ
ก่อนเริ่มศึกยูโร 2024 "สิงโตคำราม" ถูกยกให้เป็นทีมเต็ง 1 จากหลายสำนัก เหตุเพราะเต็มไปด้วยนักเตะซูเปอร์สตาร์ล้นทีมที่กำลังอยู่ในฟอร์มที่ดีที่สุดในชีวิตการค้าแข้งของพวกเขา 

แต่เมื่อทัวร์นาเมนต์เริ่มต้นขึ้น ทีมชาติอังกฤษ กลับทำผลงานได้อย่างน่าผิดหวัง โดยแม้จะคว้าแชมป์กลุ่มซีได้สำเร็จด้วยสถิติชนะ 1 เสมอ 2 แต่ไม่มีแม้แต่เกมเดียวที่พลพรรค "ทรี ไลออนส์" จะทำผลงานได้อย่างน่าประทับใจ

กุนซือ แกเร็ธ เซาธ์เกต ถูกวิจารณ์อย่างหนักกับแท็กติก "เพลย์เซฟ" ไม่พยายามเล่นเกมบุกทั้งที่ตัวผู้เล่นเหนือกว่าคู่แข่งหลายขุม รวมไปถึงการเลือกนักเตะที่ตัดสินใจดึง ลุค ชอว์ ติดทีมมาด้วยทั้งๆที่ยังไม่ฟิตพอ และจนถึงตอนนี้เจ้าตัวก็ยังไม่มีโอกาสลงโชว์ฝีเท้าเลยแม้แต่นาทีเดียว

ที่ถูกวิจารณ์หนักที่สุดก็คือการจัดทัพ ที่ เซาธ์เกต ตัดสินใจปรับเอา เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ที่เล่นแบ็กขวามาทั้งชีวิต ให้มาเป็นกองกลาง ผลลัพธ์ก็คือดาวเตะหงส์แดงรายนี้แทบไม่ได้ทำประโยชน์ให้ทีม ขณะเดียวกัน นักเตะที่โชว์ฟอร์มได้อย่างร้อนแรงให้สโมสรอย่าง ค็อบบี้ เมนู (แมนฯยูไนเต็ด) และ โคล พาลเมอร์ (เชลซี) กลับเป็นแค่ตัวสำรองที่ถูกลืม

แม้เส้นทางข้างหน้าของอังกฤษจะค่อนข้างเบากว่าอีกสายหนึ่ง แต่หากพวกเขาทำผลงานได้แค่นี้ก็คงยากที่จะไปได้ไกลถึงขั้นคว้าแชมป์อย่างที่หวังไว้

ที่สุดแห่ง \"ยูโร 2024\" รอบแบ่งกลุ่ม

นักเตะฟอร์มเด่นที่สุด: นิโก้ วิลเลี่ยมส์-ลามีน ยามาล (ทีมชาติสเปน)
หมดยุคของ "ติกิ-ตากา" ที่เอาแต่ครองบอลไปแล้ว 

ตอนนี้ สเปน เป็นทีมที่ทำเกมรุกได้อย่างรวดเร็วและน่าตื่นตาตื่นใจ จากสองแนวรุกดาวโรจน์ของทีมอย่าง ลามีน ยามาล (16 ปี-บาร์เซโลน่า) และ นิโก้ วิลเลี่ยมส์ (21 ปี-แอธเลติก บิลเบา)

ทั้งสองคนคือภัยคุกคามที่พร้อมจะเล่นงานแนวรับคู่แข่งได้ทุกนาที ด้วยการเลี้ยงบอลที่คล่องแคล่วและรวดเร็ว แต่ยังมีการตัดสินใจที่ดี พร้อมจะจ่ายบอลให้เพื่อนร่วมทีมทำประตูโดยไม่มีความเห็นแก่ตัวและไม่ทำให้เพื่อนเสียจังหวะ ซึ่งเป็นจุดเด่นที่แตกต่างกับ เฌเรมี่ โดกู (เบลเยียม) หรือ มิไคโล มูดริค (ยูเครน) ที่เอาแต่ก้มหน้าก้มตาเลี้ยงอย่างเดียวแบบไม่สนใจใคร

และก็ไม่แปลกที่เวลานี้ นิโก้ วิลเลี่ยมส์ กำลังเป็นที่สนใจของเหล่ายักษ์ใหญ่ในพรีเมียร์ลีก และน่าจะได้ย้ายทีมในเร็วๆนี้ ส่วน ยามาล ก็มีแววว่าจะพัฒนาฝีเท้าจนกลายเป็นตำนาน บาร์ซ่า คนต่อไป

ที่สุดแห่ง \"ยูโร 2024\" รอบแบ่งกลุ่ม

นักเตะฟอร์มน่าผิดหวังที่สุด: ฟิล โฟเด้น (ทีมชาติอังกฤษ)
กวาดแชมป์เป็นว่าเล่นกับต้นสังกัด แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และผงาดคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมพรีเมียร์ลีกฤดูกาลล่าสุด ทำให้ทุกคนต่างเชื่อว่า ฟิล โฟเด้น จะฉายแสงเต็มที่ในศึกยูโรครั้งนี้

แต่ผลลัพธ์กลับกลายเป็นตรงกันข้าม ตลอด 3 นัดในรอบแบ่งกลุ่ม โฟเด้น ไม่มีประตูหรือแอสซิสต์ให้เห็น แถมสถิติยังฟ้องด้วยว่า ดาวโรจน์จากค่ายเรือใบสีฟ้ารายนี้จ่ายบอลให้กองหน้าอย่าง แฮร์รี่ เคน แค่ครั้งเดียวตลอด 3 เกม ทั้งๆที่นั่นคือหน้าที่หลักของเขาที่ต้องคอยสนับสนุนกองหน้า 

"อ็อปต้า" หน่วยงานรวบรวมสถิติชื่อดังของโลก ยังเผยด้วยว่า โฟเด้น จ่ายบอลให้ผู้รักษาประตูอย่าง จอร์แดน พิคฟอร์ด มากกว่า เคน ด้วยซ้ำ

ด้วยเหตุนี้บรรดาแฟนบอลสิงโตคำรามจึงพยายามเรียกร้องให้ เซาธ์เกต ให้โอกาส โคล พาลเมอร์ ลงเป็นตัวจริงแทนในรอบ 16 ทีมสุดท้าย ดีกว่าจะฝืนใช้ โฟเด้น ต่อไป

สถิติที่น่าสนใจ "ยูโร 2024" รอบแบ่งกลุ่ม
ยูโร 2024 ครั้งนี้ มีการทำประตูไปแล้ว 81 ลูก เฉลี่ย 2.25 ประตูต่อเกม

  • ช่วงที่มีการยิงประตูมากที่สุด: นาทีที่ 16-30 (17 ประตู)
  • ทีมที่ยิงประตูได้มากที่สุด: เยอรมนี (8 ประตู)
  • ทีมที่มีสถิติการครองบอลสูงสุด: เยอรมนี และ โปรตุเกส (64.3%)
  • ทีมที่มีสถิติผ่านบอลสำเร็จมากที่สุด: เยอรมนี (93%)
  • ทีมที่มีสถิติแย่งบอลสำเร็จมากที่สุด: จอร์เจีย (134 ครั้ง)
  • ยิงประตูเร็วที่สุด: เนดิม บายรามี่ (แอลเบเนีย) 23 วินาที ในเกมพบ อิตาลี
  • ยิงประตูช้าที่สุด: เควิน โซบ็อธ (ฮังการี) นาทีที่ 90+10 ในเกมพบ สกอตแลนด์
  • นักเตะที่ยิงประตูได้มากที่สุด: จอร์จส์ มิเคาตาดเซ่ (จอร์เจีย) 3 ประตู
  • นักเตะที่ยิงเข้ากรอบมากที่สุด: โรเมลู ลูกากู (เบลเยียม) ยิงเข้ากรอบ 7 ครั้ง 0 ประตู
  • นักเตะที่แย่งบอลสำเร็จมากที่สุด: มาร์ค เกฮี (อังกฤษ) 26 ครั้ง
  • เซฟมากที่สุด: จอร์จี้ มามาร์ดาชวิลี่ (จอร์เจีย) 20 ครั้ง