เรื่องราวดังกล่าวเริ่มต้นขึ้นในงานเลี้ยง BURIRAM THANK YOU PARTY 2023 ที่จัดขึ้นภายใต้ชื่อ “Buriram United AS ONE” ซึ่งเป็นงานเลี้ยงขอบคุณผู้สนับสนุนและสื่อมวลชน เมื่อวันที่ 9 ม.ค. 67 ที่ผ่านมา
โดยนายเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสร บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด กล่าวถึงเป้าหมายในการแข่งขันเลกที่สองของศึกฟุตบอล รีโว่ ไทยลีก โดยแสดงความมั่นใจว่า "ปราสาทสายฟ้า" จะคว้าแชมป์ในฤดูกาลนี้ได้อย่างแน่นอน เหตุเพราะคู่แข่งไม่มีทีมไหนเลยที่ดึงนักเตะต่างชาติฝีเท้าดีๆมาเสริมทัพ มีแต่การผ่องถ่ายนักเตะหน้าเดิมๆข้ามไปข้ามมา
"ผมกล้าพูดด้วยความมั่นใจว่ายังไงปีนี้บุรีรัมย์ต้องรักษาแชมป์" เนวิน กล่าวเริ่ม
"สื่อมวลชนที่อยู่ในห้องอาจตั้งคำถามว่าลุงเนคุยอีกหรือเปล่า? วันนี้ Squad (ขนาดทีม) ที่เห็นของทีมในไทยลีกทั้ง 16 ทีม คู่แข่งทั้งหลายแหล่ไม่มีใครไปดึงผู้เล่นใหม่จากต่างชาติ หรือผู้เล่นใหม่ที่คนไทยไม่รู้จักเข้ามาอยู่ในทีมตัวเอง ส่วนใหญ่เห็นพากันไปเดินอยู่ที่เซียงกง แล้วไปเอานักเตะเก่าจากทีมนู้นมาอยู่กับทีมตัวเอง อีกทีมไม่เอาแล้ว แต่อีกทีมบอกว่าดี”
"เมื่อไหร่ก็ตามแต่ที่คุณชอบรถด้วยอะไหล่เซียงกง ก็ขอให้คุณมั่นใจได้ว่าคุณภาพและมาตรฐานรถคุณก็จะได้แค่เซียงกงนั่นแหละ"
"นี่เป็นการส่งสารไปยังบีจี, การท่าเรือ, แบงค็อกฯ ทุกทีมเลยว่า เสร็จ GU แน่นอน” ประธาน ปราสาทสายฟ้า ปิดท้าย
หลังการประกาศกร้าวแสดงความมั่นใจถูกเผยแพร่ออกไป ก็เริ่มมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากหลายฝ่าย โดยเฉพาะแฟนบอลทีมคู่แข่งร่วมลีกที่ไม่พอใจที่ "เนวิน" ดูถูกคุณภาพของนักเตะคู่แข่งเกินไป นอกจากนี้ยังมองว่าการเสริมทัพที่ผ่านๆมาของ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด บางครั้งก็ไม่ได้เป็นนักเตะคุณภาพอย่างที่คุยไว้ ขณะที่แฟนบอลบางส่วนก็มองว่า การให้สัมภาษณ์แบบนี้จะกลายเป็นการกระตุ้นให้คู่แข่งฮึดสู้ยิ่งกว่าเดิมไปอีก
- "แล้วนักเตะคุณไม่ใช่ของมือสองจากทีมเมืองนอกเหรอ"
- "ที่ผ่านมาตัวต่างชาติทีมคุณก็นักเตะเสินเจิ้นนะ"
- "จะไม่เสร็จ GU ได้ไง กรรมการอยู่ข้างเดียวกัน"
- "เก่งแต่ในไทย พ่ายยับในต่างแดน"
- "อย่าเพิ่งมั่นใจไป ปี 62 ก็มั่นใจแบบนี้แต่สุดท้ายก็ชวด"
ฯลฯ
นอกจากนี้ผู้สื่อข่าวจากหลายสำนักต่างพยายามขอความเห็นจากทีมคู่แข่ง ทั้งนักเตะ โค้ช และเจ้าของทีม ว่าจะตอบโต้เรื่องนี้อย่างไร โดย "เมสซี่เจ" ชนาธิป สรงกระสินธ์ ดาวเตะทีมชาติไทยของทีม บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ตอบสั้นๆ ในงานต่อสัญญากับ มิซูโน่ เมื่อวันที่ 15 ม.ค. ที่ผ่านมา ว่า "เซียงกงหรือเปล่าผมไม่รู้หรอก แต่ผมว่าตัวผมก็มีคุณภาพไม่ด้อยกว่าผู้เล่นชาวต่างชาตินะ"
ขณะที่ "บิ๊กฮั่น"มิตติ ติยะไพรัช ประธานสโมสร สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด ได้แสดงความเห็นกับทีมงาน ฟุตบอลสยามรายวัน เกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า "ก็แต่ละทีมเขาไม่ได้มีงบประมาณให้ลองนักเตะต่างชาติใหม่ๆเท่าบุรีรัมย์นี่ครับ"
และหลังจากที่คำกล่าวของตัวเองกลายเป็นประเด็นดราม่าที่ทำท่าจะลุกลามใหญ่โต ทำให้ "ลุงเน" ต้องรีบออกมาชี้แจงผ่านเพจเฟซบุ๊ก ลุงเนวิน โดยอธิบายว่า คำว่า "นักเตะเซียงกง" ไม่ได้หมายถึงนักเตะไทย แต่หมายถึงนักฟุตบอลต่างชาติที่เข้ามาค้าแข้งในไทย พร้อมย้ำว่านักเตะต่างชาติที่ฝีเท้าดีราคาไม่แพงยังมีอีกมาก สโมสรต้องพยายามเฟ้นหา ไม่ใช่หาแต่ของเดิมๆ ทั้งที่บางคนฝีเท้าสู้นักเตะไทยไม่ได้ด้วยซ้ำ
"อีกเรื่องที่อยากจะทำความเข้าใจ คำว่า “เชียงกง” ที่พูดไป ไม่ได้หมายถึงนักฟุตบอลไทย ไม่มีเจตนาจะกระทบนักฟุตบอลไทย แต่หมายถึงนักฟุตบอลต่างชาติ ที่เข้ามาล่าเงินบาท เงินดอลลาร์ในไทย"
"ผมยกตัวอย่างการเสริมนักฟุตบอลต่างชาติของบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เราเสริม เพื่อยกระดับทีม และ พัฒนานักฟุตบอลไทยในทีม ถ้ามาแล้ว ทำไม่ได้ ก็ต้องไป และเปลี่ยนใหม่"
"ผมพูดเพื่อกระตุ้นให้ทุกทีมเสริมนักฟุตบอลต่างชาติ ที่เก่งกว่านักฟุตบอลไทย และมาช่วยกันยกระดับไทยลีก ไหนๆ เราก็จะเสียเงินออกนอกประเทศแล้ว ก็ขอกระตุ้นให้สโมสร เพื่อนร่วมลีกไทย เลือกนักฟุตบอลที่มีคุณภาพ มายกระดับฟุตบอลไทยลีก มาช่วยกันพัฒนาความสามารถนักฟุตบอลไทย"
"นักฟุตบอลเก่งๆ ดีๆ ราคาค่าตัว ค่าจ้างไม่แพง ก็มีเยอะ อยู่ที่สโมสรต้องหา ไม่ใช่หาอยู่ในตะกร้าเดิมตลอดเวลา"
"คำว่า “เชียงกง” คือ นักเตะต่างชาติ มือสอง มือสาม ที่พัฒนาไทยลีกได้น้อย ทั้งรูปแบบเกม และ ยกระดับความสามารถนักฟุตบอลไทย ได้น้อย บางคนสู้นักฟุตบอลไทยไม่ได้ด้วยซ้ำ"