ชาวบ้านท่าเหนาะ 100 กว่าครัวเรือน ถูกน้ำล้อม อพยพไม่ทัน รอคอยความช่วยเหลือ

16 ธันวาคม 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดพัทลุงว่า ช่วงสายที่ผ่านมา ฝนกลับมาตกหนักอีกครั้งตั้งแต่วันที่ 13 ธันวาคม ที่ผ่านมา โดยเฉพาะในพื้นอำเภอที่ติดกับเทือกเขาบรรทัด คือ อำเภอกงหรา อำเภอศรีนครินทร์ อำเภอศรีบรรพต ทำให้เกิดน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมบ้านเรือนและถนนภายในหมู่บ้าน

โดยเฉพาะในบริเวณบ้านท่าเหนาะ รอยต่อ ต.คลองทรายขาว กับ ต.ชะรัด อ.กงหรา จ.พัทลุง มวลน้ำป่าได้หลากเข้าท่วม มีกระแสน้ำเชี่ยวกราดสีแดงขุ่น ทำให้ชาวบ้านในหมู่บ้านดังกล่าวกว่า 100 ครัวเรือน ติดกระแสน้ำป่าอยู่ภายในบ้านไม่สามารถออกมาข้างนอกได้

 

 

 

เยาวชน และผู้สูงวัย ส่วนหนึ่งได้เดินลุยน้ำออกมาข้างนอกท่ามกลางกระแสน้ำไหลเชียว โดยบอกว่า

ชาวบ้านอยู่กันอย่างหวาดระแวง ท่ามกลางกระแสน้ำที่เชียวกราด ในตอนเช้าตนได้เข้าไปเยี่ยมญาติที่อยู่ในหมู่บ้านดังกล่าว แต่เข้าไปไม่นาน ก็เกิดน้ำป่าหลากเข้าท่วมแบบไม่ทันตั้งตัว จึงติดอยู่ภายใน ก่อนที่ญาติจะลุยน้ำเดินมาส่งได้อย่างปลอดภัย

 

 

ขณะที่ มวลน้ำจากอำเภอกงหรา และอำเภอศรีนครินทร์ ได้ไหลหลากลงสู่พื้นที่อำเภอเมืองเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนหลายครัวเรือนได้รับความเดือดร้อน บริเวณหมู่ที่ 5 ตำบลปรางหมู่ อำเภอเมืองพัทลุง มีระดับน้ำท่วมสูงถึง 1.50 เมตร และเอ่อท่วมถนนสายพัทลุง-ควนขนุน ระยะทางประมาณ 800 เมตร รถยนต์ทุกชนิดสามารถผ่านได้ ด้านเจ้าหน้าที่ต้องอำนวยความสะดวก จนถึงวันนี้ระดับน้ำก็ยังไม่มีท่าทีที่จะลด 

โดยเวลานี้ ฝนยังคงตกอย่างต่อเนื่องในพื้นที่ของอำเภอศรีนครินทร์ อำเภอกงหรา และอำเภอเมืองพัทลุง ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมขยายวงกว้าง 6 อำเภอ 28 ตำบล 130 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับความเดือดร้อนเกือบ 10,000 ครัวเรือน 

 

 

สำหรับเส้นทางสายหลักทั้งสายเอเชีย 41 ตั้งแต่อำเภอป่าพะยอมจนถึงอำเภอป่าบอน รถยนต์ทุกชนิดสัญจรผ่านได้ ขณะที่ถนนสายเพชรเกษมจากตัวเมืองพัทลุง จนถึงอำเภอศรีนครินทร์ ช่วงเช้าวันนี้รถยนต์ทุกชนิดก็ยังคงสามรถสัญจรผ่านได้ปกติ 

นายสมควร ปล้องอ่อน นายอำเภอ ได้ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ พบว่าหลายพื้นที่รองรับน้ำจากภูเขาบรรทัด ให้เกิดน้ำท่วมในหลายหมู่บ้าน จากฝนตกสะสมตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา ทำให้ช่วงเช้าวันนี้เกิดน้ำท่วมฉับพลันในพื้นที่อีกครั้ง 

 

 

ตำบลที่ได้รับผลกระทบหนักสุดในตอนนี้ คือ ต.ชะรัด ต.คลองทรายขาว จึงได้ทำการขอกำลังจากเจ้าหน้าที่หลายหน่วยงานเพื่อเข้าช่วยเหลือชาวบ้านผู้ประสบภัยน้ำท่วมที่ได้รับความเดือดร้อน และพร้อมอพยพชาวบ้าน 24 ชั่วโมง หากเกิดน้ำท่วมสูงในแต่ละพื้นที่อีกครั้ง