อิสราเอลทิ้งระเบิด "โคลอสซอล" โจมตีคลังแสงซีเรีย รุนแรงรอบทศวรรษ

ระเบิด "โคลอสซอล" (Colossal) ขนาดมหึมาได้ปกคลุมท้องฟ้าบริเวณชายฝั่งใกล้เมืองทาร์ทัส ทางตะวันตกเฉียงเหนือของซีเรีย หลังอิสราเอลใช้ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศ ต่อเป้าหมายบริเวณชายฝั่ง ใกล้กับเมืองทาร์ทัส ทางตะวันตกเฉียงเหนือของซีเรีย ซึ่งองค์กรเฝ้าระวังด้านสิทธิมนุษยชนซีเรีย (Syrian Observatory for Human Rights) หรือ SOHR ระบุว่า เป็นการโจมตีที่หนักหน่วงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2555 และแรงระเบิดได้ทำให้เกิดการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ขนาด 3.0 จากระบบเซ็นเซอร์ใช้ในการตรวจจับแผ่นดินไหว

ระเบิดโคลอสซอล เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า "ระเบิดแผ่นดินไหว" (earthquake bomb) ถูกทิ้งจากเครื่องบินรบ โจมตีเป้าหมายทางทหาร รวมทั้งหน่วยป้องกันภัยทางอากาศ และคลังขีปนาวุธภาคพื้นดิน 

เมืองทาร์ทัสเป็นที่ตั้งฐานทัพรัสเซีย 1 ใน 2 แห่งในซีเรีย และถูกใช้เป็นฐานทัพเรือ และเป็นคลังแสงด้วย และเชื่อว่า การระเบิดของคลังแสงที่มีขนาดใหญ่ ทำให้การระเบิดรุนแรงขึ้นอีกหลายเท่า ภาพของการระเบิดถูกแชร์ในโซเชียล มีเดีย แสดงให้เห็นกลุ่มควันหนาพวยพุ่งเป็นรูปเห็ด ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า สัญญาณของการระเบิดเดินทางเร็วกว่าแผ่นดินไหวถึง 2 เท่า

ก่อนหน้านี้ กระทรวงต่างประเทศรัสเซีย แถลงว่า ได้อพยพนักการทูตออกจากซีเรีย ในเวลาเพียง 1 สัปดาห์ หลังการล่มสลายของระบอบเผด็จการอัสซาด ส่วนฐานทัพเรือในทาร์ทัส สร้างขึ้นตั้งแต่ยุคสหภาพโซเวียต เมื่อปี 2514 จนกระทั่งในปี 2560 สถานที่แห่งนี้ ได้กลายเป็น "จุดสนับสนุนด้านวัสดุ-เทคนิค" (Material-Technical Support Point) เพื่อใช้เป็นทางเข้าสู่ทะเลเมดิเตอเรเนียนแห่งเดียวของรัสเซีย และถูกใช้ในการจัดส่งอาวุธยุทโธปกรณ์และเสบียง ในช่วงที่รัสเซียเข้าแทรกแซงในสงครามกลางเมืองซีเรีย เมื่อปี 2558

ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย ได้สั่งให้ขยายฐานทัพแห่งนี้ ในปี 2560 หลังทำสัญญาเช่าเป็นเวลา 49 ปี โดยซีเรียไม่คิดค่าใช้จ่าย เพื่อแลกกับการช่วยให้อัสซาดอยู่ในอำนาจ รัสเซียยังเปิดฐานทัพที่ฮไมมิมในปี 2558 โดยใช้สนามบินพลเรือนที่มีอยู่ใกล้กับเมืองท่าลาตาเกีย

เดิมรัสเซียให้การปกป้องสถานที่เหล่านี้เป็นอย่างดี โดยได้กำหนดขอบเขตการรักษาความปลอดภัย และการป้องกันทางอากาศในรัศมี 250 กิโลเมตร แต่ได้ถอนกำลังออกไปมากหลังรัสเซียรุกรานยูเครน ซึ่งรัสเซียระบุว่า กำลังติดต่อกับคณะผู้บริหารชุดใหม่ของซีเรีย เกี่ยวกับอนาคตของฐานทัพรัสเซียในซีเรีย