หมอเตือน วัยรุ่นดมก๊าซหัวเราะ เสี่ยงพิการ

วันที่ 26 กรกฎาคม 2567  โทษของก๊าซหัวเราะ ส่งผลต่อร่างกายอย่างคาดไม่ถึง ล่าสุด นพ.มนูญ ลีเชวงวงศ์ แพทย์เฉพาะทางด้านโรคระบบทางเดินหายใจ โรงพยาบาลวิชัยยุทธ ได้ออกมาโพสต์ข้อความผ่านเพจเฟสบุ๊ก “หมอมนูญ ลีเชวงวงศ์ FC” แชร์เคสคนไข้วัย 24 ปี สูดดมก๊าซหัวเราะ จนมีอาการแขนชาทั้ง 2 ข้าง และเดินลำบาก เนื่องจากการทรงตัวไม่ดี จนต้องใช้ไม้เท้าถือเดินเป็นระยะเวลา 3 เดือน

โดย นพ.มนูญ ระบุว่า ผู้ป่วยชายอายุ 24 ปี เริ่มมีอาการแขนชาทั้ง 2 ข้าง ตั้งแต่เหนือข้อศอกลงไปถึงปลายนิ้วมือ และขาชาทั้ง 2 ข้าง ตั้งแต่เหนือหัวเข่าลงไปถึงปลายเท้า เดินลำบาก เนื่องจากการทรงตัวไม่ดี ต้องถือไม้เท้าเป็นเวลา 3 เดือน มือแขน และขายังไม่อ่อนแรง

ผู้ป่วยเริ่มสูดดมก๊าซหัวเราะ 1 ปี ใช้มากขึ้น 6 เดือนที่ผ่านมา เดือนที่แล้วใช้ถึงวันละ 400 หลอดโลหะก๊าซหัวเราะ ใน 1 เดือน ต้องเสียเงินซื้อหลอดโลหะก๊าซหัวเราะมากกว่า 1 แสนบาท ในเดือนสุดท้ายการรักษา : แนะนำให้หยุดใช้ก๊าซหัวเราะ ฉีดวิตามินบี 12 วันละ 1 ครั้งเข้ากล้ามติดต่อกัน 2 สัปดาห์ ให้มาฉีดแบบคนไข้นอก อาการชาลดลงเหลือแค่ชาปลายมือปลายเท้า การทรงตัวดีขึ้น กลับมาเดินได้ปกติ ลดฉีดวิตามิน B12 เหลือสัปดาห์ละครั้ง ติดตามต่อไป

ความผิดปกติทางระบบประสาทเกิดจากก๊าซหัวเราะ หรือก๊าซไนตรัสออกไซด์ (N2O) เข้าไปในร่างกายขัดขวางการทำงานของวิตามินบี 12 ซึ่งมีส่วนสำคัญในการสร้างสารไมอีลินเนื้อเยื่อไขมันที่ทำหน้าที่เป็นปลอกประสาท ทำให้เกิดภาวะไขสันหลังเสื่อม (Myelopathy) และปลายประสาทเสื่อมสภาพ (Peripheral neuropathy)

นอกจากนี้ คุณหมอ ยังระบุอีกว่า ผู้ป่วยรายนี้มีอาการผิดปกติทางปลายประสาทเสื่อมสภาพ มีอาการแขนขาชา และการทรงตัวไม่ดี คล้ายกับผู้ป่วยที่ขาดวิตามินบี 12 แนะนำให้วัยรุ่น หลีกเลี่ยงการสูดดมก๊าซไนตรัสออกไซด์ ความสุขชั่วครู่ ชั่วยาม จากการสูดดมก๊าซหัวเราะไม่คุ้มค่ากับความเจ็บป่วยพิการตลอดชีวิต

เราต้องช่วยกันสื่อสารให้สังคมรับรู้ถึงอันตรายจากผลข้างเคียงระยะยาวของก๊าซหัวเราะ ก่อนที่วัยรุ่นไทยจำนวนมากจะทุพพลภาพ พิการและช่วยตัวเองไม่ได้จากการสูดดมก๊าซหัวเราะต่อเนื่องเป็นเวลานาน สร้างภาระให้กับครอบครัวและประเทศ