เปิดมุมมอง ทนายรัชพล ปม"หวยอลเวง 30 ล้าน" สุดท้ายใครคือเจ้าของตัวจริง

3 ตุลาคม 2566 จากกรณี "หวยอลเวง30 ล้าน" ร้านค้าไม่ส่งลอตเตอรี่ ที่ นายสมเกียรติ อายุ 60 ปี สั่งซื้อแบบเก็บเงินปลายทาง กระทั่งได้มีการเข้าแจ้งความ ลงบันทึกประจำวันที่ สภ.ตลุกดู่ อ.ทัพทัน จ.อุทัยธานี พร้อมนำหลักฐานการซื้อขายผ่านทางออนไลน์ทางเพจแห่งหนึ่ง เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2566 และมีหลักฐานการแชตมอบให้ตำรวจ 

นายสมเกียรติ เปิดเผยที่มาของเลขเด็ดที่สั่งซื้อจากร้านในโลกออนไลน์ ว่า ได้ไปเขย่าเซียมซีที่วัดหลวงพ่อกวย จ.ชัยนาท จนได้เลขเด็ด ตั้งใจซื้อลอตเตอรี แต่ตามแผงต่างๆไม่มีเลขดังกล่าว จึงติดต่อทางออนไลน์กับเพจ โดยตกลงซื้อขายทางออนไลน์ โดยให้ส่งแบบเก็บเงินปลายทาง 

กระทั่งวันออกสลาก ตรวจดูเลขที่สั่งซื้อ พบว่าเลขที่สั่งซื้อถูกรางวัลที่ 1 จำนวน 5 ใบ เป็นเงินประมาณ 30 ล้านบาท จึงติดต่อไปยังเพจถามหาสลากที่สั่งซื้อ แต่ผู้ขายไม่รับผิดชอบ อ้างว่าผู้ซื้อไม่ตอบยืนยันและติดต่อไม่ได้ จึงได้ขายให้กับผู้ซื้อรายอื่นไปแล้ว ตามข่าวที่เสนอไปก่อนหน้านี้

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :

• ทนายรณณรงค์ สรุปให้หวย 30 ล้าน เป็นของใคร ร้านหรือลูกค้าที่สั่งซื้อ?
• หนุ่มใหญ่ สมาชิก อบต. ใจชื้น หลังทนายเกิดผล รับทำคดีหวย 30 ล้าน
• "ทนายเกิดผล" รับเป็นทนายลูกค้า คดีหวยอลเวง 30 ล้าน ยืนยันหวยเป็นของผู้ซื้อ
• เปิดประวัติ"หลวงพ่อกวย" เกจิดังชัยนาท ให้โชค"30 ล้าน" พร้อมเผยที่มาเลขเด็ด

ล่าสุด ทนายรัชพล ศิริสาคร ได้ออกมาโพสต์เฟซบุ๊ก แสดงความเห็นถึงเรื่องดังกล่าว มีรายละเอียดดังนี้
 
ในเรื่องหวย 30 ล้าน ยังมีข้อถกเถียงอีกหลายประเด็น ความเห็นส่วนตัวของผม ยังมองว่าการซื้อขายยังไม่สำเร็จ หากพิจารณาจากข้อความแชทแล้ว ถึงแม้จะมีการตกลงซื้อขายกันในสาระสำคัญ แต่ก็ต้องดูเงื่อนไขของร้านด้วย มีประเด็นที่น่าพิจารณาคือ

1. ถ้าทางร้านอ้างว่าจะต้องมีการยืนยันตัวตน มันก็น่าเชื่ออยู่ เพราะมีการสอบถามถึงเบอร์โทรศัพท์ว่าติดต่อได้ไหม ก็น่าจะเป็นเงื่อนไขอย่างหนึ่งในการซื้อขายของทางร้าน และแสดงว่า การติดต่อทางโทรศัพท์ก็เป็นสาระสำคัญในการตกลงซื้อขาย ซึ่งหากยังไม่มีการยืนยันตัวตน หรือการโทรคุยกัน การซื้อขายก็ยังไม่น่าจะสำเร็จ เพราะยังไม่ได้ทำตามเงื่อนไข

2. ข้อความจากทางร้านได้มีการสอบถามยืนยันเบอร์โทรศัพท์ แต่ผู้ซื้อกลับเงียบไม่ได้ตอบกลับ การเจรจาตกลงซื้อขายน่าจะยังไม่สมบูรณ์ เพราะผู้ซื้อไม่ได้เปิดโอกาสให้ผู้ขายแจ้งเงื่อนไขใดๆ เลย ถ้าเงื่อนไขการซื้อขายต้องมีการยืนยันตัวตนจริงๆ ก็ไม่น่าจะถือว่าซื้อขายกันแล้ว

3. ถ้าทางร้านได้โทรไปหาผู้ซื้อจริงๆ แต่โทรไม่ติด ก็น่าเชื่อว่า ต้องมีการยืนยันตัวตนก่อน เพราะถ้าส่งของไปแล้วไม่ถึงมือผู้ซื้อ ผู้ขายก็จะเสียหายได้

4. ถ้าทางร้านจะผิด ก็ผิดตรงไม่ได้แจ้งยกเลิกให้ชัดเจน ส่วนสัญญาซื้อขาย ผมว่ายังไม่น่าจะเกิด เพราะคำเสนอยังมีเงื่อนไขของการขาย คำเสนอจึงยังเสนอไม่ครบถ้วน แต่ผู้ซื้อไม่รับฟังซะแล้ว

ทั้งหมดนี้เป็นความเห็นส่วนตัว คนอื่นจะเห็นต่างก็แล้วแต่ เพราะมันมีได้หลายมุมมอง สุดท้ายแล้วศาลคงต้องเป็นผู้ตัดสิน แต่ถ้าผมมีลูกค้าแบบนี้ ก็คงไม่ส่งของให้เหมือนกัน ยังคุยไม่รู้เรื่องเลย เผ่นหายไปซะแล้ว

ที่มา :