สิ้นสุดการรอคอยนะจ้ะ ในช่วงนี้ต้องยอมรับว่า กระแสพ่อทิมพิธา พ่อจ๋าพ่อมาแรงมากกกกกสสส จนปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ‘ทิม พิธา" หรือ "พิธา ลิ้มเจริญรัตน์’ แคนดิเดตนายกฯ พรรคก้าวไกล มาแรงแซงทางโค้งเอามาก ๆ จนสาว ๆ ในด้อมส้มต่างตะโกนใส่ว่า “ส้มรักพ่อ” กันไม่หยุดหย่อนเลยทีเดียว แถมยังต่อคิวเป็นเจ้าสาวอีกด้วย เรียกได้ว่าทั้งหล่อ ทั้งฉลาด จนกลายเป็นหนุ่มหล่อในหัวใจ หนุ่มคนนี้แหละสเปคสาวไทยยุค 2023 ไปแล้ว
แถมช่วงนี้ กระแสร้อนๆ จากโพสต์ต่างๆ ของอดีตภรรยาคนสวย คุณแม่สุดสตรอง ‘ต่าย ชุติมา’ ก็มาช่วยสนับสนุนเป็นอีกแรงใจดีๆ สำหรับคุณพ่อสุดหล่อของลูกสาวล่าสุด คุณแม่ต่ายคุณแม่สุดสตรองได้โพสต์ภาพที่อดีตสามีเคยลงรูปในวันแต่งงาน พร้อมเขียนแคปชั่นสุดหวานว่า “พบรักเข้ากับนางฟ้า 12.12.12” ผ่านอินสตาแกรม @tye.chutima งานนี้ทำเอาชาวโซเชียลต่างกรี๊ดกร๊าดไปตามกันว่าคู่นี้จะรีเทิร์นหรือไม่???
ล่าสุด ทิม พิธา แคนดิเดตนายกฯ พรรคก้าวไกล ได้ออกมาเผยความในใจผ่านรายการสุดปังที่โดนมหาชนชาวด้อม “ถ้าหนูรับ พี่จะรักป่ะ Ep.102” เผยมุมมองเรื่องหัวใจที่หลายคนยังไม่เคยรู้
โดยบอกว่าตนนั้นโสดมานานมาก ๆ แล้ว
งานนี้เมื่อสามสาวถามว่าผู้หญิงจีบได้ไหม
คุณพิธา จึงตอบกลับมาว่า
“ได้ครับ เพราะว่าทุกคนเท่าเทียมกัน ไม่ว่าจะเพศไหนก็จีบได้ทั้งนั้นแหละ ความรักคือความรัก ช่วงนี้ก็ต้องไปขออนุญาติพิพิมก่อนว่ามีแฟนได้ยัง เขาขอให้พ่อต้องอยู่กับพิพิมคนเดียวเท่านั้น อยู่ในช่วงติดพ่อ”
“โสดมานานมาก จนลืมสเปคตัวเองไปแล้ว ขอให้รับเวลาการทำงานของเราได้ และรับลูกเราได้ ส่วนตัวเป็นคนโรแมนติกพอสมควร ชอบอะไรก็อยากจะทำอย่างนั้น ความรักเป็นกิริยาไม่ใช่คำนาม”
ทิม พิธา เป็นหนึ่งในนักการเมืองที่มีความสามารถหลากหลาย และมีความมุ่งมั่นในการพัฒนาประเทศเทียบเท่าทุกพรรคการเมือง ส่วนผลการเลือกตั้ง 2566 นี้ จะเป็นอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับคนไทยที่มีสิทธิในการเลือกตั้ง 66 ทุกคน
เลยโค้งสุดท้ายเข้าทางตรงร้อยเมตรก่อนถึงเส้นชัย กระแส “พิธา” ยังมาแรงต่อเนื่อง สายลมแห่งการเปลี่ยนแปลง กำลังจะกลายเป็นพายุถล่ม “บ้านใหญ่” ให้ซวนเซ
เลือกตั้ง 2566 จะเป็นการต่อสู้ระหว่างการเมืองเชิงอุปถัมภ์ กับการเมืองเชิงอุดมการณ์หรือการเมืองเชิงนโยบาย ที่แหลมคมที่สุด
นักรัฐศาสตร์บางคนประเมินว่า พรรคก้าวไกล มีกระแสพิธา บวกฟ้ารักพ่อของธนาธร อาจได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อมากถึง 30-40 คน แต่ ส.ส.เขตนั้น น่าจะชนะในพื้นที่กรุงเทพฯ และหัวเมืองใหญ่เท่านั้น
สัญญาณที่บ่งบอกอย่างไม่ต้องสงสัยก็คือ กระแสความนิยมพรรคเพื่อไทย และพรรคก้าวไกล ที่นำทุกพรรคมาตลอด นับแต่เข้าสู่โหมดเลือกตั้ง และทิ้งห่างในช่วงโค้งสุดท้ายซึ่งทั้งสองพรรค คือ ขั้วฝ่ายประชาธิปไตย ที่ถ้าจับมือกันจัดตั้งรัฐบาล ก็เท่ากับ มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นนั่นเอง
ยิ่งกว่านั้น กระแสที่พุ่งแรง ของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ที่ผลโพล(ผลสำรวจ) ประชาชนอยากได้เป็น “นายกรัฐมนตรี” และพรรคก้าวไกล ที่คนไทยต้องการเลือกส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ หรือ “ปาร์ตี้ลิสต์” ก็ยิ่งสะท้อนความต้องการเปลี่ยนแปลงอย่างแจ้งชัด
พรรคก้าวไกล ที่มีความมั่นคงใน “จุดยืน” ทางการเมือง ที่จะไม่จับมือร่วมรัฐบาลกับ “ฝ่ายเผด็จการ” โดยเฉพาะกับพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่มี “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี และพรรคพลังประชารัฐ ที่มี “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี กระทั่ง ล่าสุด การแสดงจุดยืน “มีลุงไม่มีเรา” หรือ “มีเราไม่มีลุง” จนกระแสพุ่งแรงอย่างพลิกความคาดหมาย