29 สิงหาคม 2564 เวลา 14.00 นาฬิกา นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในเรือนจำและทัณฑสถาน (ข้อมูล ณ วันที่ 28 สิงหาคม 2564 เวลา 16.00 นาฬิกา) พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 328 ราย (พบในเรือนจำสีแดง 299 ราย และพบในห้องแยกกักโรคผู้ต้องขังรับใหม่ 29 ราย) รักษาหายเพิ่ม 197 ราย เสียชีวิต 6 ราย ทำให้มีผู้ติดเชื้อที่ยังอยู่ในการดูแลของกรมราชทัณฑ์ 3,774 ราย (กลุ่มสีเขียว 87.9% สีเหลือง 11.7% และสีแดง 0.4%) เป็นพื้นที่กรุงเทพมหานคร 445 ราย ปริมณฑล 579 ราย และต่างจังหวัด 2,750 ราย
นายอายุตม์ กล่าวว่า ในวันนี้ มีเรือนจำที่พ้นจากการระบาดเพิ่ม 1 แห่ง คือ เรือนจำกลางสมุทรปราการ และไม่มีเรือนจำแพร่ระบาดเพิ่ม ส่งผลให้มีเรือนจำสีแดงลดลงอยู่ที่ 40 แห่ง เรือนจำสีขาวที่
ไม่มีการแพร่ระบาดเพิ่มเป็น 102 แห่ง โดยมีผู้ติดเชื้อรักษาหายสะสม 52,305 ราย หรือ 91.7% ของผู้ติดเชื้อสะสม 57,065 ราย เสียชีวิตสะสม 119 ราย คิดเป็นอัตรา 0.2% ของผู้ติดเชื้อสะสมทั้งหมด
สำหรับผู้เสียชีวิต เป็นผู้ต้องขังจากเรือนจำกลางนครสวรรค์ 5 ราย และเรือนจำจังหวัดนครนายก 1 ราย ซึ่งเป็นกลุ่มเปราะบาง มีโรคประจำตัว และสูงอายุ แม้ว่าได้ดูแลรักษาอย่างเต็มประสิทธิภาพตามมาตรฐานโดยทีมแพทย์ และส่งต่อการรักษายังโรงพยาบาลภายนอกแล้ว แต่อาการยังคงไม่ดีขึ้น จนกระทั่งได้เสียชีวิตลง กรมราชทัณฑ์ ขอแสดงความเสียใจต่อการจากไป มา ณ โอกาสนี้ ทั้งนี้ ได้ประสานญาติเพื่อนำร่างผู้เสียชีวิตไปประกอบพิธีกรรมทางศาสนาตามวิธีการจัดการศพผู้เสียชีวิตจากโรคติดเชื้อไวรัส โควิด-19 เป็นที่เรียบร้อย
นายอายุตม์ เสริมว่า การป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ของ กรมราชทัณฑ์ นอกจากจะป้องกันเชื้อจากเจ้าหน้าที่และผู้ต้องขังรับใหม่อย่างเคร่งครัดแล้ว การดูแลสุขอนามัยและการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อระหว่างกันในผู้ต้องขัง ก็เป็นอีกหนึ่งมาตรการที่กรมราชทัณฑ์ ได้ดำเนินการอย่างเข้มข้นมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้จัดสรรวัสดุอุปกรณ์ป้องกัน เช่น หน้ากากอนามัย 3 ชั้น N 95 ถุงมือ แอลกอฮอล์เจล สบู่เหลว สบู่ก้อน น้ำยาทำความสะอาด ถุงขยะ ตลอดจนวัสดุครุภัณฑ์ให้อย่างทั่วถึง โดยกำหนดนโยบายการสวมหน้ากากอนามัย 100% ทั้งเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ และผู้ต้องขัง รวมทั้งการทำความสะอาด การรักษาสุขอนามัยส่วนบุคคล รวมทั้งสถานที่และสิ่งของอื่น ๆ เพื่อป้องกันควบคุมการระบาดของโรค พร้อมได้จัดสรรงบประมาณให้เรือนจำจัดซื้อจากเงินงบประมาณประจำปี งบกลาง เงินสนับสนุนจากต่างประเทศ และจากการบริจาค ดังนั้น ผู้ต้องขังทุกราย ทั้งกรณีติดเชื้อและไม่ติดเชื้อ จะได้รับการดูแลรักษาอย่างเท่าเทียมและเต็มประสิทธิภาพจากทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ โรงพยาบาลเรือนจำกลางบางขวาง และโรงพยาบาลแม่ข่ายหรือสำนักงานสาธารณสุขในแต่ละพื้นที่ ตามแนวทางของระบบบริการสาธารณสุข และมาตรฐานกรมการแพทย์ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ที่ได้ประสานความร่วมมือเพื่อดำเนินการอยู่เสมอ