svasdssvasds
เนชั่นทีวี

โซเชียล

"ซุง" ศตาวิน เปิดใจ เล่าที่มา "ดิว อริสรา" ขอยืมเงิน 12.5 ล้าน

20 มีนาคม 2568
เกาะติดข่าวสาร >> NationTV
logoline

"ซุง" เปิดใจ เล่าที่มา "ดิว อริสรา" ขอยืมเงิน 12.5 ล้าน ยืนยัน ตั้งใจช่วย ไม่เอาดอกเบี้ย ยันไม่โกรธดิว เพราะได้เงินคืนครบแล้ว พร้อมขอโทษหากมองว่าเป็นต้นเหตุของเรื่อง

20 มีนาคม 2568 "ซุง" ศตาวิน นาคทองเพชร อินฟลูเอนเซอร์ชื่อดัง ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ "ดิว" อริสรา ทองบริสุทธิ์ ยืมเงิน 12.5 ล้านบาท ว่า ตอนนี้ปัญหาของตนเองกับพี่ดิว จบไปตั้งแต่พี่ดิวคืนเงิน 12.5 ล้านบาท ตั้งแต่ ส.ค.ปี 2567แล้ว พร้อมยอมรับว่า เรื่องนี้จุดเริ่มต้นอาจจะผิดที่ตนเองที่เชื่อใจ เพราะตอนนั้นยังไม่มีข่าวอะไร และตนเองก็ติดตามพี่ดิวในไอจี เห็นไลฟ์สไตล์ลักชูรี่ และคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร มองว่าเป็นความผิดที่ตนเองไม่รอบคอบเอง ซึ่งตนเองไม่ได้รู้จักพี่ดิวเป็นการส่วนตัว แค่ติดตามไอจี และพี่ดิวก็คงไม่รู้จักตนเองด้วย 

ทั้งนี้ ตนเองรู้จักพี่ดิวผ่านรุ่นพี่คือ "พี่แทม" เพราะรุ่นพี่คนนี้เป็นรุ่นพี่ที่คอยช่วยเหลือตนเองในด้านธุรกิจ และทำให้ตนเองมีความรู้ทางธุรกิจ จึงถือเป็นการช่วยรุ่นพี่ และตอนนั้น พี่ดิวก็ท้องอยู่ ซึ่งตอนที่ตัดสินใจให้ยืมเงิน ตนเองยังไม่ทราบว่าเป็นพี่ดิวด้วย และการท้อง เป็นเหตุผลให้ตนเองใจอ่อน เพราะตอนนั้นรุ่นพี่เล่าให้ฟังว่า เขาร้องไห้ และพี่แทมกับตนเองก็เป็นคนขี้สงสารเหมือนกัน เมื่อเขาเดือดร้อน เขาบอกถ้าไม่ได้เงิน ของที่สต็อกอยู่จะถูกยึด ตนเองเลยมองว่า ลูกที่อยู่ในท้องก็ไม่รู้เรื่อง หากต้องเกิดมาเจอเหตุการณ์นี้ การให้ยืมในตอนนั้นอาจจะช่วยปลดล็อกปัญหา

และตนเองก็เลือกเชื่อใจรุ่นพี่คือ "พี่แทม" เลยให้ยืมไป จนมาถามว่า "คนที่ยืมคือใคร?" และมาทราบว่าเป็น "พี่ดิว" ซึ่งตอนนั้นก็มองว่า พี่ดิวเขาคงจะช็อตจริงๆ เนื่องจากตนเองก็ขายสินค้า เข้าใจสภาพคล่องทางการเงิน ถ้าหมุนไม่ทัน ในการเข้าโมเด้นเทรดต่างๆ เลยค่อนข้างเข้าใจ ตอนนั้นเลยมานั่งดูเงินในบัญชีตัวเอง แล้วคิดว่าชีวิตเราไม่ได้เดือดร้อน คิดว่าน่าจะพอช่วยรุ่นพี่เขาได้ และถือเป็นการตอบแทนในการช่วยเหลือรุ่นพี่ตนเองด้วย

อย่างไรก็ตาม "ซุง" ศตาวิน ยอมรับว่า ตอนแรกไม่ได้เผื่อใจอะไร เพราะเชื่อใจว่าทั้งหมดจะได้คืน แต่พอถึงกำหนดวันแรกนัดคืนเงิน แล้วขอเลื่อนก็ใจแป้ว แล้วพอเขาขอเลื่อน ก็รู้สึกว่า "โหมันเป็นเงินที่ตนเองทำงานเก็บเงินมา" ซึ่งตนเองอาจจะทำกิริยาไม่เหมาะสมในการทวงเงิน จึงอยากขอโทษพี่ๆด้วย แต่เจตนาของตนเองในตอนนั้นคืออยากได้เงิน 12.5 ล้านบาทคืน โดยยืนยันว่า ไม่ได้อยากได้ดอกเบี้ย และหากไปดูแชทข้อความที่คุยกัน จะเห็นว่า ตนเองกับรุ่นพี่ไม่ได้สนใจเรื่องดอกเบี้ย เพราะการคิดที่จะช่วยคือไม่หวังผลตอบแทน ถ้าหวังผลคือไม่ใช่การช่วย เจตนาของตนเองคือ การช่วยรุ่นพี่ และช่วยพี่คนหนึ่งที่ท้องอยู่ เพื่อไม่ให้บริษัทเขาล้ม โดยไม่ได้มีเงื่อนไขอะไร แต่มาเห็นข้อความ พี่ดิวเสนอมาว่าจะยืม 20 ล้าน แล้วบวกให้อีก2ล้าน และเช็คที่สั่งจ่ายชื่อตนเองคือ 12.5 ล้าน เพราะตนเองไม่ได้ต้องการดอกเบี้ยใดๆ

ทั้งนี้ พี่ดิว คืนเงินช้าจากกำหนดเวลาไปทั้งหมด 14 วัน และหลังจากได้เงินคืน 12.5 ล้าน ตนเองก็ไม่เคยได้คุยกันอีก ได้เงินคืนก็จบ ส่วนแชทที่ตนเองไปถามเรื่องดอกเบี้ย เพราะเงินของพี่แทม ยังได้ไม่ครบ และในแชทตนเองเลิกยุ่งไปเป็นเดือนแล้ว แต่พี่แทมยังได้เงินไม่ครบเลยฝากให้ตนเองช่วยเช็กหน่อย ซึ่งถ้าจะเช็กจะต้องพิมพ์ถามเรื่องดอกเบี้ยฝั่งตนเอง ซึ่งหากเขาคืนมา ก็จะโอนเงินให้พี่แทม แต่ตนเองไม่ทราบว่า เขายังค้างเงินพี่แทมเท่าไร รู้แค่ว่ายังคืนไม่ครบ และเท่าที่ตนเองทราบ และได้คุยกับพี่แทม คือเขาจะเคลียร์กันเองเรื่องเงิน เพราะเขาเป็นเพื่อนกัน ส่วนจะดำเนินคดีหรือไม่นั้นตนเองก็ไม่ทราบ

ส่วนที่มองว่า ตนเองเป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดคดีความ ซุง ศตาวิน บอกว่า “ถ้าพี่ดิว หรือใครต่างๆคิดว่าผมเป็นต้นเหตุ ผมขอโทษด้วย ไม่ได้มีเจตนาอย่างอื่นจริงๆ มีเจตนาแค่อยากช่วยคน”

เมื่อเรื่องราวเป็นคดีความแล้ว ตนเองยินดีที่จะให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ และตอนนี้ยังไม่ทราบรายละเอียดว่าจะต้องไปให้การอย่างไร แต่การที่ออกมาพูดในวันนี้ อย่างน้อยตนเองขอออกมาชี้แจงเรื่องทั้งหมด ตามหลักฐานโดยไม่ปิดบังอะไรเลย รวมถึงเรื่องสร้อยของพี่เมย์ ที่ตนเองได้ดูรูป ซึ่งของไม่ได้อยู่กับตนเอง แต่แชทข้อความที่พี่ดิวบอกเป็นสร้อยของพี่ดิว แต่ตนเองคิดว่าอาจจะเป็นของพี่เมย์หรือไม่ ซึ่งนี่ก็เป็นอีกเจตนาหนึ่งที่อยากจะออกมาพูด เพื่อให้ทุกฝ่ายทำงานกันได้ง่ายขึ้นด้วย และหลังจากนี้ถ้าตนเองมีส่วนเกี่ยวข้อง ก็ยินดีเข้าร่วมตามกระบวนการกฎหมาย หากจะทำให้พี่ๆทุกคนทำงานกันง่ายขึ้น

เมื่อถามว่า เรื่องที่เกิดขึ้นทำให้มอง "พี่ดิว อริสรา" เปลี่ยนไปหรือไม่ "ซุง" ศตาวิน บอกว่า หลังจากที่เขาคืนเงินมา ก็ไม่ได้มองอะไร เพราะตนเองก็ทำธุรกิจ ไม่ได้คิดถึงฝั่งพี่ดิวเลย คืนเงินก็จบ และตนเองก็แฮปปี้กับการทำธุรกิจ เลยไม่ได้ต้องมองว่าอย่างไร และตนเองก็ขออย่าไปด่าครอบครัวพี่เขา และหลังจากนี้ก็ให้เป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมาย อยากให้พี่ดิวเข้มแข็ง เข้าใจว่าเรื่องมันหนัก และขอให้ผ่านไปได้ โอกาสมีให้สำหรับทุกคน ส่วนใครจะให้โอกาสใครหรือไม่ เป็นเรื่องของแต่ละคน และด้วยงานด้วยการใช้ชีวิตของตนเองคงไม่ได้เจอพี่ดิว เพราะที่ผ่านมาก็ไม่ได้รู้จักส่วนตัว  “ถ้าเจอก็ยกมือไหว้ได้ปกติ ไม่ได้โกรธ เพราะเขาคืนเงินผมครบแล้ว แต่อาจจะช้าหน่อย”

พร้อมกันนี้ "ซุง" ศตาวิน ยอมรับอีกว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันเกินคำว่าช็อก! เพราะตนเองอาจจะไม่รอบคอบ และรอบคอบไม่พอเอง การจะให้ใครยืมเงินแล้วไม่ดูข้อกฎหมาย และให้ยืมโดยที่ไม่มีอะไรเลย โดยเขียนสั่งจ่ายเช็คไปเลย ไม่มีสัญญาใดๆ ถือเป็นอีกหนึ่งบทเรียนให้ตนเองโตขึ้น และตนเองแค่อยากช่วยจริงๆ ส่วนถ้ามีคนจะมายืมเงินอีก ก็คงต้องดูละเอียดขึ้น หรือถ้าอยากจะช่วยอาจจะเปลี่ยนเป็นให้เลยน่าจะโอเคกว่า 
   
“ก็อาจจะเป็นหนึ่งบทเรียนที่ทำให้ผมโตขึ้น และทำให้ผมรอบคอบขึ้นในการเป็นผู้ใหญ่ในวันข้างหน้า ไม่ได้คิดว่าเป็นเรื่องไม่ดีในชีวิต แต่เป็นเรื่องที่เรียนรู้และแก้ปัญหา ทำพรุ่งนี้ให้ดีกว่าเมื่อวาน”

logoline