19 พฤศจิกายน 2567 กรณีคลิปไวรัลที่แฟนเพจ "ควายหลุดถนน V1" เผยภาพจากกล้องหน้ารถคู่กรณี ที่ขับมาทางตรงก่อนบีบแตรเตือนรถยนต์ Tesla สีขาวที่พยามปาดออกมาอย่างกะทันหัน และกลายเป็นที่มาของคลิปคนขับเทสล่าหัวร้อนเสียงแตรบนทางด่วน
ซึ่งภายหลังทราบว่า เจ้าของรถคือ นายปิติพัฒน์ (สงวนนามสกุล) และเข้ารายงานตัวกับตำรวจ ในวันที่ 15 พ.ย. ก่อนที่จะเข้าโรงพยาบาลเพราะเกิดความเครียด วันที่ 17 พ.ย. ให้ทนายนำรถส่งมอบตำรวจเพื่อการตรวจสอบ วันที่ 18 พ.ย. ได้เข้ารับทราบข้อกล่าวหา ก่อนมาที่ศาลในวันนี้ (19 พ.ย.)
ดูคลิปคลิกที่ภาพ
นายปิติพัฒน์ ระบุว่า สาเหตุแสดงพฤติกรรมขับรถเช่นนั้น เพราะเกิดจากความเครียด ที่แฟนเปิด GPS บอกทางผิด จนเกิดการทะเลาะกัน ส่วนคู่กรณีไม่ได้ทำอะไรกับตน ทว่าตนก็แสดงกิริยาไม่เหมาะสมแบบนั้นไป ทำให้สุดท้ายหลังลงจากทางด่วน ตนก็รู้สึกผิด-ตำหนิตัวเอง
“อยากจะกราบขอโทษคู่กรณีที่แสดงกิริยาที่เป็นภัยต่อสังคม หลังจากนี้จะไม่แสดงพฤติกรรมดังกล่าว ไม่ว่ากับใครทั้งสิ้น หลังจากนี้ปรับตัวใหม่ และกราบขอโทษผู้มีส่วนเกี่ยวข้องรถเทสลาที่มีสีเดียวกัน หรือกลุ่มรถอีวีด้วยกัน ผู้ใช้รถใช้ถนนทุกคน และยอมรับผิดทุกข้อกล่าวหา”
ขณะที่ในส่วนของคดี เมื่อเวลา 14.00 ที่ศาลแขวงดุสิต พนักงานอัยการสำนักงานคดีศาลเเขวง ได้ยื่นฟ้อง นายปิติพัฒน์ ในข้อหา ขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัย จากกรณีปรากฏคลิปวิดีโอ ซึ่งแพร่หลายในสื่อสังคมออนไลน์ กรณีเมื่อวันที่ 14 พ.ย. 2567
โดยจำเลยให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าว ศาลพิพากษาจำคุก 2 เดือน 10,000 จำเลยให้การรับสารภาพ คงจำคุก 1 เดือน ปรับ 5,000 บาท โทษจำคุก รอลงอาญา 1 ปี สั่งคุมประพฤติ 1 ปี โดยให้รายงานตัว 4 ครั้ง บริการสังคม 12 ชม. พักใบอนุญาตขับขี่ 6 เดือน เเละริบรถยนต์ของกลาง สำหรับจำเลยมีใบอนุญาตขับขี่ แต่สิ้นอายุ ทางพนักงานสอบสวนจึงได้ปรับเป็นพินัย จำนวน 2,000 บาท ไว้ก่อนเเล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ในช่วงปี 2565 ทางสำนักงานอัยการสูงสุด ได้เคยมีหนีงสือเวียนให้พนักงานอัยการ ถือปฏิบัติเพื่อแก้ปัญหาผู้ขับรถไม่ยำเกรงกฎหมายบ้านเมือง สร้างความเดือดร้อนแก่ประชาชนจากการใช้รถใช้ถนนโดยให้อัยการใช้ดุลพินิจในการขอริบรถยนต์ที่ใช้ในการกระทำความผิด
โดยก่อนหน้านี้มีคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4730 / 2564 จำเลยให้การรับสารภาพข้อเท็จจริงรับฟังยุติตามฟ้องว่า จำเลยขับรถยนต์ของกลางไปตามถนนพุทธรักษา อันเป็นทางสาธารณะในขณะเมาสุราและขับรถย้อนศรสวนทิศทางการเดินรถ ไม่เป็นไปตามทิศทางที่กำหนดไว้อันเป็นการขับรถ โดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของผู้อื่นที่สัญจรไปมาบนถนน รถยนต์ของกลางจึงถือเป็นทรัพย์สินที่จำเลยใช้ในการกระทำความผิดตามฟ้องของอัยการโจทก์โดยตรงอันพึงริบตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 33