วันที่ 19 พฤศจิกายน 2567 พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รอง ผบช.ก. กล่าวถึงความคืบหน้าคดี ฉ้อโกงเงิน น.ส.จตุพร อุบลเลิศ หรือ "เจ๊อ้อย" จำนวน 39 ล้านบาท ว่า ขณะนี้คดีมีความคืบหน้าไปมาก สอบปากคำพยานบุคคลต่าง ๆ ไปแล้วจำนวนหลายปาก รวมถึงสืบพบพยานหลักฐานสำคัญเพิ่มเติมหลายอย่าง ถือว่าเป็นไปในทิศทางที่ดี แต่ด้วยคดีเป็นเรื่องละเอียดอ่อน เป็นที่จับตาของสังคม การดำเนินการต่าง ๆ จึงจำเป็นต้องรอบครอบ ยึดข้อเท็จจริงพยานหลักฐานเป็นหลัก และอาจจะต้องมีการเรียกสอบพยานบุคคลเพิ่มเติมอีกหลายปาก เพื่อให้กระจ่างชัด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่ นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต เข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนกองปราบ ในฐานะพยาน เมื่อวานนี้ ( 18 พ.ย.2567) พบว่า ข้อมูลที่พนักงานสอบสวนได้รับค่อนข้างเป็นประโยชน์กับรูปคดีอย่างมาก โดยเฉพาะเรื่องของการติด GPS ในรถของ น.ส.จตุพร และ เรื่องขบวนการวางแผนตั้ง นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ "ทนายตั้ม" เป็นผู้จัดการมรดก ซึ่งขณะนี้ชุดคลี่คลายคดีกองปราบกำลังให้ความสนใจตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับทั้ง 2 เรื่องนี้เป็นอย่างมาก โดยเตรียมประสานติดต่อไปยัง น.ส.จตุพร หรือ "เจ๊อ้อย" มาเข้าพบ เพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับทั้ง 2 เรื่องนี้อีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม จากพยานหลักฐานต่าง ๆ ที่มีอยู่ขณะนี้ เชื่อว่า การหลอกลวงเงิน "เจ๊อ้อย" ของ นายษิทรา ทำกันเป็นขบวนการ และ น่าจะมีผู้เกี่ยวข้องคนอื่น ๆ ถูกดำเนินคดีเพิ่มเติมอีก 1-2 ราย ซึ่งชุดคลี่คลายคดีของกองปราบเองก็ค่อนข้างมั่นใจว่าจะสามารถเอาผิด "ทนายตั้ม" กับพวก ได้อย่างแน่นอน
ขณะนี้ อยู่ระหว่างตรวจสอบข้อเท็จจริงให้แน่ชัด โดยในวันที่ 21 พ.ย. ที่จะถึงนี้ ทางชุดคลี่คลายคดีดังกล่าว จะมีการเรียกประชุมเพื่อติดตามความคืบหน้าทางคดีอีกครั้ง ซึ่งคาดว่าจะมีความชัดเจนเพิ่มมากขึ้น