20 ตุลาคม 2567 ภายหลังเมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา ที่ จ.อุทัยธานี ได้เกิดฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะพื้นที่อำเภอบ้านไร่ เกิดฝนตกหนักในช่วงค่ำ เป็นเวลากว่า 3 ชม. และเนื่องจากสภาพพื้นที่ของอำเภอบ้านไร่ เป็นพื้นที่ภูเขาเป็นส่วนใหญ่ และเมื่อฝนตกลงมาแบบนี้จึงทำให้ภูเขาอุ้มน้ำไม่ไหว กลายเป็นน้ำป่าไหลทะลักลงมาที่ลาดเชิงเขา เข้าท่วมอาคารบ้านเรือนประชาชน ตามที่มีการนำเสนอข่าวไปแล้วนั้น
ต่อมา ผู้สื่อข่าว "เนชั่นทีวี" ได้ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ พบว่า ตลอดทั้งวันนี้ในพื้นที่ของเขตเทศบาลตำบลบ้านไร่ อ.บ้านไร่ จ.อุทัยธานี ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากน้ำป่าหลากเข้าท่วมและน้ำลดลงไปแล้วแต่ละจุดก็ทยอยทำความสะอาดพื้นที่
ทีมข่าวฯ ยังได้ไปสำรวจความเสียหายที่วัดบ้านไร่ ซึ่งก็พบว่า กำแพงของวัด พังล้มลง และภายในวัดหลังน้ำลด ลูกศิษย์วัด ก็ช่วยกันทำความสะอาดเอาดินโคลน ออกจากศาลาและสำนักงานที่ทำการของวัดด้วย
ส่วนในพื้นที่ของตลาดเทศบาลบ้านไร่ และคนในชุมชนย่านตลาดเทศบาลบ้านไร่ ต่างก็เร่งทำความสะอาด ล้างพื้นที่มีดินโคลนเข้าไป เช็ดข้าวของเครื่องใช้ อันไหนเสียหายก็นำมากองเพื่อรอทิ้ง
อย่างร้านขายของชำในตลาด เจ้าของร้านวัย 73 ปี เล่าว่า เปิดร้านมาตั้งแต่อายุ 20 ปี จนถึงตอนนี้ ไม่เคยเจอน้ำท่วมหนักเท่านี้มาก่อน ปี 2538 ก็เคยท่วม แต่ก็ไม่ร้ายแรงและหนักขนาดนี้ ซึ่งส่วนตัวอายุมากแล้วเก็บข้าวของไม่ทัน ก็พังเสียหายหมด โดยเฉพาะของที่ต้องใช้ขาย ก็จำเป็นต้องทิ้งไป และยอมรับว่ายังกังวลหากน้ำมาอีกก็คงไม่เหลืออะไรแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า นอกจากนี้ ยังมีบ้านเรือนของประชาชนที่ดินทรุดแล้วทำให้รถตกหล่มลงไป ยังไม่สามารถนำขึ้นมาได้ ชาวบ้านเขาก็เล่าให้ฟังว่า นาทีที่น้ำมาแรงและเป็นน้ำวน ก็พยายามเก็บของแล้วแต่น้ำมาเร็วมากก็เก็บไม่ทัน ทั้งที่คอยฟังการแจ้งเตือนอยู่ตลอด
ตอนนี้รถก็พังเสียหาย และพื้นที่ทางการเกษตรที่คอยเก็บผักขายได้วันละ 400-1,000บาท ก็เสียหายทั้งหมด เมล็ดที่เพาะไว้เตรียมจะปลูกก็ไปกับน้ำหมดแล้ว
ขณะเดียวกันวันนี้ นายชาดา ไทยเศรษฐ์, นายเจเศรษฐ์ ไทยเศรษฐ์ สส.อุทัยธานี, และ น.ส.ซาบีดา ไทยเศรษฐ์ รมช.มหาดไทย ก็ลงพื้นที่ติดตามการช่วยเหลือชาวบ้านในเทศบาลตำบลบ้านไร่ อ.บ้านไร่ ต่อเนื่องตั้งแต่เมื่อคืนนี้
และวันนี้ ได้นำรถแบ็คโฮ รถไถ เข้าไปช่วยเหลือบ้านของประชาชน ที่รถตกหล่มจากดินทรุด เพื่อยกขึ้นมาซ่อมแซมด้วย
พร้อมทั้ง ยังได้ระดมจิตอาสาจากทุกหน่วยงาน กระจายกันลงพื้นที่ไปพร้อมรถน้ำ และอุปกรณ์ ในการทำความสะอาด เพื่อเร่งบิ๊กคลีนนิ่งพื้นที่เทศบาล ให้แล้วเสร็จภายในวันนี้
นายชาดา เปิดเผยว่า ภาพรวมอำเภอบ้านไร่ที่ได้รับความเสียหาย มีแค่ 2-3 ตำบลที่ไม่โดนผลกระทบ แต่ส่วนมากจะโดนหมด ซึ่งส่วนที่เสียหายหนักคือในบ้านไร่ และเขตเทศบาล เพราะน้ำมาไม่รู้ตัว ส่วน ต.ทัพหลวง ต.ทัพหมัน ต.ทัพคล้าย มีการส่งสัญญานแจ้งไปก่อนว่าน้ำจะไปจึงได้อพยพคนได้ก่อน ทำให้ไม่มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต นักท่องเที่ยวเอาออกมาได้หมด รถเจอครบทั้ง 3 คัน
ซึ่งส่วนมากความเสียหายจะเป็นบ้านพัง และข้าวของเสียหาย ถนนเสียหาย และคอสะพานขาด และมีดินโคลนเข้าไปในบ้าน วันนี้ก็จะบิ๊กคลีนนิ่ง พอคลีนนิ่งเสร็จก็จะมีชุดฉีดแอลกอฮอล์ฉีดยาฆ่าเชื้อตามบ้านเรือน ฉีดทั้งถนนและบ้านเรือนที่น้ำผ่าน เพราะไม่รู้ว่าน้ำป่ามีเชื้อโรคอะไรมาบ้าง
และตอนนี้ระดมจิตอาสาจากทุกส่วน มาร่วมกันบิ๊กคลีนนิ่ง ทำไปแล้ว 50% เหลืออีก 50% ก็จะทำให้เสร็จภายในเย็นนี้ และคาดว่าน่าจะเสร็จได้ทัน แต่ติดปัญหาที่รถน้ำจะต้องวิ่งไปวิ่งมาในการเติมน้ำที่ไกลหน่อย
นายชาดา ยอมรับว่า 40 ปีไม่เคยหนักเท่านี้มาก่อน และเมื่อวานมีฝนตกน้ำท่วม พอฝนยุบน้ำป่ามา ทำให้เสียหายหนัก ชาวบ้านก็บอก 40-50 ปี ไม่เคยเจอ
ทั้งนี้จากเดิมมีแผนทำเขื่อนไว้ ชลประทานออกแบบไว้แล้ว แต่ติดปัญหาที่ไม่ได้ทำ EIA ซึ่งถ้าตรงเส้นก็จะกันน้ำหลากได้ ทำมา 5-6 ปีแล้ว พึ่งมารู้ว่าต้องEIA เลยได้โยนเรื่องกลับไปที่ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมแล้ว ซึ่งมองว่าถ้าเขื่อนในระยะยาวเสร็จ ก็จะทำให้ป้องกันน้ำหลากได้ ลดความแรงของน้ำ
แต่หากในระยะสั้นก็จะเป็นการเฝ้าระวัง และคอยแจ้งเตือน ซึ่งคงต้องให้ปภ.มาติดตั้งเครื่องเตือนภัยด้วย ส่วนการเฝ้าระวังนั้นได้ให้คนในพื้นที่เครือข่ายผู้ใหญ่บ้านคอยส่งสัญญานเตือนภัย ซึ่งจากการส่งสัญญานเมื่อคืนนี้ก็มีการส่งสัญญานก่อน ทำให้ ต.ทัพหลวง และ ต.ทัพหมัน เก็บข้าวของอพยพคนสูงอายุได้ทัน