svasdssvasds
เนชั่นทีวี

ข่าวทั่วไทย

จบดรามา! ปิด "บ้านกาญจนาฯ" ไม่ยุบตำแหน่ง "ป้ามล"

"ทวี สอดส่อง" นำอธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน เยือน "บ้านกาญจนาฯ" เคลียร์ปัญหา หลังมีข่าวตัดงบประมาณตำแหน่ง "ผู้เชี่ยวชาญพิเศษด้านเด็กและเยาวชน" หรือปิดบ้านกาญจนาฯ สุดท้ายจบด้วยดี

กรณีดรามา "ศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน บ้านกาญจนาภิเษก กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน" ภายหลังเฟซบุ๊ก "Thicha Nanakorn" ของ นางทิชา ณ นคร หรือป้ามล ผอ.บ้านกาญจนาภิเษก ที่ระบุว่า

 

กองทรัพยากรบุคคล กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน กระทรวงยุติธรรม แจ้งว่างบประมาณปี 2568 จะตัดงบในตำแหน่งผู้เชี่ยวชาญพิเศษด้านเด็กและเยาวชนของ นางทิชา หรือป้ามล ผอ.บ้านกาญจนาภิเษก หรือยุติการทำหน้าที่ ผอ. ทำให้บุคคลที่มีชื่อเสียงหลายคน โพสต์ข้อความส่งกำลังใจให้ นางทิชา พร้อมกับแสดงความรู้สึกเกี่ยวกับเรื่องนี้ เช่น นายสราวุธ เฮ้งสวัสดิ์ หรือ "นิ้วกลม" นักเขียนชื่อดัง มองว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องของบุคคล แต่เป็นเรื่องของระบบ และการเสียโอกาสของสังคม ในการฟื้นฟูเด็ก ๆ ที่ก้าวพลาดให้ออกไปสู่สังคมได้ใหม่ ขณะที่ ครูเล็ก-ภัทราวดี มีชูธน ครูสอนการแสดง ระบุว่า ได้นำระบบของบ้านกาญจนาฯ และความรู้ที่ได้ไปปรับใช้กับหน้าที่การงานได้ผลดี 

 

จบดรามา! ปิด \"บ้านกาญจนาฯ\" ไม่ยุบตำแหน่ง \"ป้ามล\"


18 กันยายน 2567 พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วย พ.ต.ท.ประวุธ วงศ์สีนิล อธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน และเจ้าหน้าที่ระดับสูง เดินทางไปยังศูนย์ฝึกบ้านกาญจนาภิเษก เพื่อพบกับ นางทิชา ณ นคร หรือป้ามล โดยมีอดีตเยาวชนบ้านกาญจนาฯ  ย่านพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม ที่จัดกิจกรรมและนิทรรศการต้อนรับ 

 

จบดรามา! ปิด \"บ้านกาญจนาฯ\" ไม่ยุบตำแหน่ง \"ป้ามล\"

จบดรามา! ปิด \"บ้านกาญจนาฯ\" ไม่ยุบตำแหน่ง \"ป้ามล\"

 

 

นางทิชา ได้บรรยายสรุปการทำงานของศูนย์ฝึกฯ สรุปว่า เด็กต้องการระบบนิเวศน์ที่เหมาะสมและต้องการหลักประกัน โดยเครื่องมือในบ้านกาญจนาภิเษกแสดงผลงานเชิงประจักษ์แล้วว่า บ้านกาญจนาภิเษก คือ Social Lab เป็นองค์กรสาธารณะที่มีความสำคัญ

 

 

จบดรามา! ปิด \"บ้านกาญจนาฯ\" ไม่ยุบตำแหน่ง \"ป้ามล\"

 

ด้าน พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า ในสังคมไทยมีความพยายามเนรเทศคนเข้าไปในดินแดนต้องห้าม ไม่รับเสียงของพวกเขา จึงอยากมีระบบที่จะทำให้ “ผู้ก้าวพลาด” ไม่กลับไปสู่วงจรเดิม และสามารถคืนคนคุณภาพสู่สังคม 

จบดรามา! ปิด \"บ้านกาญจนาฯ\" ไม่ยุบตำแหน่ง \"ป้ามล\"

 

 

ฉะนั้นการเดินทางมาในครั้งนี้ก็เพื่อมาให้กำลังใจ และอยากได้องค์ความรู้จากสถานที่แห่งนี้ เพราะที่นี่มีแนวทางและนวัตกรรมในการนำคนคุณภาพกลับคืนสู่สังคม ด้วยความเชื่อว่ารัฐมีกฎระเบียบที่เป็นโซ่ตรวนให้การขับเคลื่อน ไม่ทันต่อการเปลี่ยนแปลง 

 

"ป้ามลเองได้สร้างประโยชน์ไว้มากมาย โดยเฉพาะการบูรณะคนที่ถือเป็นเรื่องยากและยิ่งใหญ่ เพราะการซ่อมแซม การบูรณะนั้นยากยิ่งกว่าการสร้างใหม่ ซึ่งบ้านกาญจนาภิเษกได้ขับเคลื่อนงานป้องกันด้วยการให้การศึกษา ความรู้ การให้คำปรึกษา และกระบวนการต่างๆ ที่สามารถปรับเปลี่ยนเยาวชนได้ ขณะที่ พ.ต.ท.ประวุธ วงศ์สีนิล อธิบดีกรมพินิจฯ ก็เป็นนักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชน มีประวัติทำงานในภาคใต้จนได้รับการยอมรับในพื้นที่" พ.ต.อ.ทวี ระบุ 

 

จากนั้น พ.ต.ท.ประวุธ ได้ชี้แจงประเด็นที่มีกระแสข่าวการยุติบทบาทบ้านกาญจนาภิเษก และตำแหน่งผู้อำนวยการศูนย์ฝึกฯ โดยบอกว่า บ้านกาญจนาภิเษกอยู่ในโครงสร้างของกรมพินิจฯ แม้จะเป็นหน่วยงานเอกชน แต่เพราะได้รับงบประมาณ 100% จากกรมพินิจฯ จึงถือเป็นส่วนหนึ่งของราชการ ส่วนตำแหน่งผู้เชี่ยวชาญพิเศษด้านเด็กและเยาวชนของป้ามล มีสถานะเป็น "พนักงานราชการ" เมื่อครบวาระพิจารณางบประมาณ จึงต้องมีการประเมินตามรอบ

 

แต่ที่ผ่านมาอาจไม่มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลในส่วนนี้ที่มากพอ จึงมีข่าวว่าอาจตัดงบประมาณของตำแหน่งของป้ามล จึงเป็นที่มาของเสียงวิพากษ์วิจารณ์ ซึ่งการยุบตำแหน่งเกิดขึ้นได้ทั้งประเทศ ไม่ใช่เฉพาะที่บ้านกาญจนาภิเษก แต่เป็นเพราะการไม่มีข้อมูลนำเสนอสำนักงาน ก.พ. (สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน) เพื่อประเมินผลการปฎิบัติงานเท่านั้น 

 

ส่วนการให้สัมภาษณ์ว่าจะยุติบทบาทบ้านกาญจนาภิเษก เป็นเพียงการตอบคำถามสื่อมวลชนไปตามข้อเท็จจริงที่ว่า กรมพินิจฯ ยังมีศูนย์ฝึกอบรมอีกหลายแห่ง แต่ไม่ได้หมายความว่าจะต้องปิดบ้านกาญจนาฯ 

 

“ผมช่วยเหลือประชาชนมาตลอดชีวิต จนมารับตำแหน่งอธิบดีกรมพินิจฯ ก็ได้ตั้งใจว่า สิ่งใดทำให้เด็กเปลี่ยนไปในทางที่ดีได้ ผมก็สนับสนุนทุกกรณี" อธิบดีกรมพินิจฯ ย้ำ

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศการหารือระหว่างผู้บริหารกรมพินิจฯ กับบ้านกาญจนาภิเษกเริ่มคลี่คลาย เมื่อ พ.ต.ท.ประวุธ ยืนยันว่าได้รับข้อมูลผลการปฎิบัติงานของบ้านกาญจนาภิเษก และได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่กรมพินิจฯ นำข้อมูลเสนอต่อสำนักงาน ก.พ.จนผ่านการพิจารณาแล้ว โดยจะคงบทบาทการปฏิบัติงานของศูนย์ฝึกบ้านกาญจนาฯต่อไป พร้อมกันนี้ก็ยอมรับข้อบกพร่องของฝ่ายราชการที่ขาดการประสานงานกับบ้านกาญจนาภิเษก 

 

ขณะเดียวกัน ยังการพูดถึงการผลักดัน มาตรา 55 ของพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ.2553 ให้มีผลในเชิงปฏิบัติ กรณีให้อำนาจอธิบดีกรมพินิจฯ สามารถออกใบอนุญาตให้เอกชนจัดตั้งสถานฝึกและอบรมเด็กหรือเยาวชนได้ โดยออกเป็นกฎกระทรวง เพื่อเปิดช่องทางให้เอกชนร่วมพัฒนาพฤตินิสัยเด็กและเยาวชนก้าวพลาดในรูปแบบที่หลากหลายและมีกฎหมายรองรับ 

 

ทั้งนี้ การพูดคุยระหว่างผู้บริหารกระทรวงยุติธรรม กรมพินิจฯ และบ้านกาญจนาภิเษก ได้ข้อยุติด้วยดีในช่วงค่ำ โดยใช้เวลาหารือกันนานกว่า 3 ชั่วโมง

 


รายงานข่าวแจ้งว่า บ้านกาญจนาภิเษก เป็นสถาบันของเอกชน ที่รับงบจากรัฐ 100% ปีละ 8 ล้านบาทเป็นค่าอุปโภคบริโภค ค่าใช้จ่ายด้านบุคลากร ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ โปรแกรมการแก้ไขบำบัดฟื้นฟูเด็ก ไม่ให้กลับไปกระทำความผิดซ้ำ