พ่อโวย กระบะคอกขนผักชนดับ1 สาหัส 1 ไม่ไยดี ขอไปส่งผักก่อนกลัวผักเน่า

วันที่ 3 กันยายน 2567 นายรัตน์ มาใหญ่ อายุ 47 ปี เจ้าของร้านลาบโซล่าเซลล์ บ้านคลองศรีเทพ หมู่ 8 ต.หนองไผ่ อ.หนองไผ่ จ.เพชรบูรณ์ ได้นำคลิปวีดีโอจากกล้องหน้ารถ ร้องขอความเป็นธรรมกับผู้สื่อข่าว หลังลูกสาว และพนักงานหญิง เกิดอุบัติเหตุถูกรถยนต์กระบะคอกขนผัก ยี่ห้อโตโยต้า รีโว่ สีเทา ทะเบียนกรุงเทพมหานคร ซึ่งมีนายเอ (นามสมมุติ) อายุ 39 ปี ชาว อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ เป็นผู้ขับขี่ ได้ขับรถชนเข้ากับรถจักรยานยนต์แบบหญิง ชนิดรถไฟฟ้า ไม่มีหมายเลขทะเบียน เป็นเหตุให้นางสาวเบญจวรรณ จงทวี อายุ 31 ปี พนักงานหญิงเสียชีวิต และ น.ส.ชามันดา มาใหญ่ อายุ 16 ปี ลูกสาวได้รับบาดเจ็บสาหัส 

โดยเหตุดังกล่าวเกิดเมื่อวานนี้ ( 2 ก.ย.67) เวลาประมาณ 18.08 น. บนถนนทางหลวงหมายเลข 21 สายสระบุรี – หล่มสัก บ้านคลองศรีเทพ ต.หนองไผ่ อ.หนองไผ่ จ.เพชรบูรณ์ ซึ่งหลังเกิดเหตุฝ่ายคู่กรณี ไม่เคยมาสอบถามอาการ หรือแสดงความรับผิดชอบใดๆ มิหนำซ้ำยังขอร้อยเวรฯ ขับรถคันเกิดเหตุไปส่งผักก่อน เพราะกลัวผักเน่า หลังจากส่งผักเสร็จถึงย้อนหลับมาที่ สภ.หนองไผ่ แต่คู่กรณีก็ยังไม่ยอมมาพูดคุย แถมพาพรรคพวกมาข่มขู่อาละวาด อ้างว่าตนไม่ผิด และจนถึงขณะนี้คู่กรณีก็ยังไม่ติดต่อมาแต่อย่างใด

ต่อมา ผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังบ้านหลังหนึ่ง พื้นที่หมู่ 14 ต.หนองไผ่ อ.หนองไผ่ จ.เพชรบูรณ์ พบญาติพี่น้องและเพื่อนบ้าน ต่างกำลังช่วยกันตั้งเต้นท์ เก้าอี้ สำหรับจัดงานสวดอภิธรรมให้กับนางสาวเบญจวรรณ จงทวี อายุ 31 ปี ที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุดังกล่าว ซึ่งทันทีที่ร่างไร้วิญญาณมาถึงบ้าน คนในครอบครัว ต่างกอดกันร้องให้โฮ ด้วยความเสียใจ ที่ต้องสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก ไปอย่างไม่มีวันกลับ 

ด้าน นายรัตน์ มาใหญ่ อายุ 47 ปี เล่าว่า เหตุเกิดเมื่อวาน ช่วงเวลาประมาณ18.00 น. ลูกสาวตนเองกำลังขับรถมอไซค์เพื่อไปยูเทิร์น โดยไปกับลูกจ้าง1คน ก็ยูเทิร์นตามปกติ โดยจุดเกิดเหตุห่างจากร้านราว 50 เมตร พอยูเทิร์นผ่านไป กำลังเข้าเลนส์ที่ 2 ปรากฏว่ามีกระบะขนผักคันหนึ่ง มีการเปลี่ยนจากเลนส์ขวา มาเลนส์ซ้ายทำให้ชนรถลูกสาวตนทันที เป็นเหตุให้ลูกน้องของตนที่นั่งซ้อนท้ายรถเสียชีวิต ส่วนลูกสาวได้รับบาดเจ็บสาหัส 

ซึ่งหลังเกิดเหตุ ตนได้ไปติดตามอาการลูกสาวที่โรงพยาบาลหนองไผ่ ซึ่งอยู่ติดกับ สภ.หนองไผ่ นิดเดียว ปรากฏว่า ตนเห็นรถขนผักคันที่ชนรถลูกสาว ขับรถถอยออกไปจาก สภ.หนองไผ่ แล้วขับขึ้นถนนใหญ่ไปเลย ทำให้เกิดความสงสัย จึงเข้าไปสอบถามร้อยเวรฯ ได้คำตอบว่า คู่กรณีเข้ามารายงานตัวลงบันทึกประจำวันไว้แล้ว เขาขอเอารถกลับออกไปก่อน เพราะกลัวว่าผักที่อยู่ท้ายรถจะเน่าเสีย จึงขอเอาไปส่งที่ตลาดหล่มสัก ซึ่งห่างจาก สภ.หนองไผ่ กว่า 100 กม. ทำให้ตนสงสัยว่า เอารถคันเกิดเหตุไปส่งผักต่อได้เลยหรอ เพราะคู่กรณี ยังไม่มีการพูดคุยกับผู้เสียหายเลย ในรถมีกล้องไหม น้ำหนักผักเกินไหมก็ไม่รู้ ตนจึงตัดสินใจแจ้งความดำเนินคดีกับคนขับ เหตุเพราะตั้งแต่ชน ไม่เคยมาถามไถ่ญาติผู้เสียหาย แม้แต่คำขอโทษคำเดียวก็ไม่มี ไม่แสดงความรับผิดชอบแต่อย่างใด มีเพียงแสดงตัวกับตัวแทนประกันภัยและร้อยเวรฯ เพื่อขอนำรถผักออก เพราะห่วงว่าผักจะเน่าเสีย 

จากการสอบถาม ผู้เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า ตอนเกิดเหตุ ตนก็จอดรออยู่ตรงจุดยูเทิร์น พร้อมกับรถคันเกิดเหตุ รวมเป็น 2 คัน แล้วจังหวะที่น้องขับข้ามยูเทิร์นออกไป ก่อนจะถึงไหล่ทางอีกฝั่ง ก็มีรถกระบะขนผักที่วิ่งมาเลนส์ขวา ได้เปลี่ยนเลนส์ลงกระชั้นชิด แล้วก็ชนเข้าอย่างจัง ซึ่งก่อนเกิดเหตุ ด้านหน้ารถผัก ก็ไม่มีรถขวางแต่อย่างใด ตนเองอยู่ตรงนั้นเลยเห็นพอดี จึงรีบขับรถมอเตอร์ไซค์มาขวางถนน ปิดไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้รถข้างหลังมาชนซ้ำ หวั่นเกิดเหตุซ้ำซ้อน