แม่ เชื่อลูกชายแค้นใจร่วมสร้างบ้าน แต่เมียไปมีผัวใหม่ แถมถูกฟ้องร้อง

วันที่ 23 กรกฎาคม 2567 พล.ต.ต.รุทธพล เนาวรัตน์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ เดินทางไปตรวจสอบจุดที่นายปฐพี มีบาง อายุ 52 ปี อดีต ผอ.โรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์ ขับรถมาจอดแล้วลั่นไกปืนลูกซองยาว ยิงตัวเองเสียชีวิตภายในรถต่อหน้าตำรวจ ระหว่างถูกปิดล้อมไว้ หลังจากใช้อาวุธปืนลูกซองยาวกระบอกเดียวกัน ยิงนางสาวดวงเดือน โกกะพันธ์ อายุ 41 ปี อดีตภรรยา ซึ่งเป็น ผอ.โรงเรียนบ้านโนนอีปังโพนวัว จ.ศรีสะเกษ และสามีใหม่ของอดีตภรรยาเสียชีวิต พร้อมกับ ญาติๆ รวมทั้งหมด 4 ราย

พล.ต.ต.รุทธพล เนาวรัตน์ กล่าวว่า เหตุดังกล่าวถือเป็นเหตุสะเทือนขวัญ เพราะมีผู้เสียชีวิตทั้งหมดรวม 5 คน ทั้งนี้ ต้องขอชื่นชมการทำงานของตำรวจ สภ.ประโคนชัย ที่ทำงานตามยุทธวิธี เบื้องต้น เป็นคดีที่ไม่ซับซ้อน และมีมูลเหตุชัดเจนคือเรื่องครอบครัว เนื่องจาก ผอ.มีการเตรียมการไว้แล้ว ทั้งลาออกจากราชการได้ประมาณเดือนเศษที่ผ่านมา มีการเขียนจดหมายไว้กับกระดาษสำหรับวางรองเท้าในรถ(กระดาษของร้านล้างอัดฉีด) ระบุข้อความว่า "ถ้าตายไม่ต้องตั้งสวดนะ เผาได้เลยแต่นำเอากระดูกกลับ" พร้อมกับเขียนชื่อพ่อ แม่ และเบอร์ศัพท์เอาไว้ ซึ่งทางตำรวจ สภ.ประโคนชัย บุรีรัมย์ จะทำคดีแค่การพิสูจน์หลักฐาน ส่วนคดีหลักต้องให้ต้นทางคือจังหวัดศรีสะเกษ เจ้าของพื้นที่เป็นผู้ดำเนินการต่อไป 

ขณะที่ นางลอย มีบาง อายุ 77 ปี แม่ของนายปฐพี เล่าว่า ลูกชายออกจากบ้านไปตั้งแต่วันที่ 19 ก.ค.2567 บอกแม่ว่าจะไปเที่ยว จนกระทั่งมาทราบข่าวที่เกิดขึ้น

ทั้งนี้ นางลอย เล่าด้วยว่า ผอ.ฝ่ายหญิงเคยพาลูกติดมาที่บ้าน ตอนนั้นเด็กยังตัวเล็ก ตนไม่ได้ว่าอะไร เพราะลูกชายของตนก็ได้อย่าร้างกับภรรยาเก่าไปแล้ว ส่วนหลาน 2 คน คือลูกของลูกชาย โตเป็นหนุ่มไปทำงานแล้ว ก่อนหน้านี้ ได้มีหนังสือจากศาลส่งมาที่บ้าน 2 ครั้ง แต่ไม่รู้ว่าถูกฟ้องเรื่องอะไร เพราะลูกชายไม่เคยบอก 

ส่วนสาเหตุ ตนเชื่อว่าลูกชายคับแค้นใจ เพราะบ้านที่จังหวัดศรีสะเกษ ลูกชายเป็นคนร่วมสร้าง แต่ฝ่ายหญิงกลับไปมีสามีใหม่ ซึ่งเป็นทนาย อายุน้อยกว่า และฟางเส้นสุดท้ายที่ลูกชายแค้นคือ การที่ถูกฝ่ายหญิง และทนายคือสามีใหม่ฟ้องร้อง เพื่อป้องกันไม่ให้ลูกชายเข้าไปยุ่งเกี่ยว จึงตัดสินใจก่อเหตุดังกล่าว