ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 22 กันยายน ที่ผ่านมา สำนักงาน ป.ป.ช.จังหวัดสระแก้ว ได้แถลงข่าวผลการดำเนินงานของสำนักงานป.ป.ช.สระแก้ว ประจำปีงบประมาณ 2566 ว่า มีเรื่องร้องเรียนการทุจริตทั้งสิ้น 61 เรื่อง มีคดีที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 2 ได้พิพากษาว่า จำเลยได้กระทำผิดจริงตามที่ ป.ป.ช.ชี้มูล จำนวน 2 คดี
โดยหนึ่งในคดีที่ศาลตัดสินว่า จำเลยได้กระทำผิดตามฟ้องนั้นเป็นข้าราชการระดับสูงในพื้นที่ และมีตำแหน่งเป็นอดีตผู้อำนวยการโรงเรียนอนุบาลแห่งหนึ่ง เขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา เขต 1 ได้กระทำความผิดในระหว่างการดำรงตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการโรงเรียน ซึ่งเป็นความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานมีส่วนได้เสีย เพื่อประโยชน์ของตนเองหรือผู้อื่นและปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติต่อหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ตนเองหรือผู้อื่น
ทั้งนี้ ป.ป.ช.สระแก้ว ได้ไต่สวนมูลความผิด และยื่นส่งเรื่องให้ศาลคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 2 ฟ้อง รวม 3 คดี และศาลได้ตัดสินเป็นคดีแดงที่ อท.27/2566 ว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 152 และ 157 รวม 3 กระทง ให้จำคุกกระทงละ 1 ปี ปรับกระทงละ 4,000 บาท รวมโทษจำคุก 3 ปี ปรับ 12,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพ ศาลจึงลดโทษให้กึ่งหนึ่ง เป็นจำคุก 1 ปี 6 เดือน ปรับ 6,000 บาท โทษจำคุกให้รอลงโทษไว้ 2 ปี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เอกสารของ ป.ป.ช.ได้กล่าวหาผู้อำนวยการโรงเรียน จำนวน 3 ข้อหา คือ 1.นำเงินรายได้ของโรงเรียนไปเช่าซื้อรถตู้ของโรงเรียนโดยมิชอบ อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151,152 และ 157 และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ตาม พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการและบุคคลากรทางการศึกษา พ.ศ.2547 มาตรา 85 วรรคสอง
2.จ้างเหมาบริการจัดทำอาหารกลางวันของโรงเรียน โดยไม่ปฏิบัติตามระเบียบ ซึ่งเป็นความผิดอาญามาตรา 151 และ 157, พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 มาตรา 12 และมีมูลผิดวินัยอย่างร้ายแรง
3.ทำสัญญาจ้างลูกจ้างชั่วคราวกำหนดเวลาจ้าง 5 ปี และขึ้นเงินเดือนให้ลูกจ้างชั่วคราวไม่เป็นไปตามระเบียบ อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 และมาตรา 157 และผิดวินัยอย่างร้ายแรงด้วย