11 กรกฎาคม 2566 ความคืบหน้า กรณีเจ้าหน้าที่เทศบาลแห่งหนึ่ง นำรถกระเช้าสีส้ม บรรทุกซากเสาไฟเหล็กเคลือบ หรือ เสาไฟรูปสับปะรด ที่ตั้งบริเวณสันเขื่อนริมอ่าวประจวบฯ ตั้งแต่หน้ารั้วกองบิน 5 ถึงค่ายลูกเสือม่องล่าย ระยะทาง 8 กิโลเมตร ไปขายที่ร้านขายของเก่า
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
ขณะที่หน่วยงานภาครัฐ จะทำการตรวจสอบ เพื่อหาเจ้าของงบประมาณที่จัดซื้อ โดยจะดำเนินการตามกฎหมาย กับผู้เกี่ยวข้องที่นำเสาไฟไปขายแค่หลักร้อยบาท เนื่องจากที่ผ่านมา เสาไฟดังกล่าว มีราคารวมค่าติดตั้งต้นละ 8 หมื่นบาทถึง 1 แสนบาท มีมากกว่า 300 ต้น
ล่าสุด นายอดิศักดิ์ น้อยสุวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า เสาไฟสับปะรดที่มีการนำไปขายให้ร้านของเก่า จะต้องมีการแจ้งความดำเนินคดีในข้อหาลักทรัพย์ โดยจะทราบว่า มีการกระทำในลักษณะดังกล่าวได้อย่างไร
สำหรับขั้นตอนการดำเนินการ จะต้องประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นำข้อมูลมายืนยันว่า เสาไฟเป็นทรัพย์สินของหน่วยงานใด สำหรับรถยนต์ต้องสงสัย ของหน่วยงานแห่งหนึ่ง ที่บรรทุกเสาไฟใส่รถยนต์ของทางราชการไปขาย จะต้องได้ข้อเท็จจริงทั้งหมด จะต้องมีหน่วยงานที่ต้องแสดงความรับผิดชอบ กับทรัพย์สินของทางราชการอย่างแน่นอน
“ในส่วนที่เสาไฟชำรุด ก็จะต้องมีแนวทางบำรุงรักษา ให้สวยงามสมกับเป็นเมืองท่องเที่ยว นอกจากนั้นจะต้องกำชับ ให้ดูแลทรัพย์สินของทางราชการให้มีความคุ้มค่า ซึ่งที่ผ่านมา จังหวัดมีคำสั่งให้ตรวจสอบทรัพย์สิน ที่จะต้องมีการฟื้นฟู หรือส่งมอบโครงการให้เทศบาล และ อบต.ตั้งแต่เดือน พ.ย.65 ดังนั้นปัจจุบันจะต้องเรียกมาดูว่า หน่วยงานใด ได้ดำเนินการตามนโยบายไว้อย่างไร”
นายสุวิทย์ พลเสน หัวหน้าสำนักงานโยธาธิการ จ.ประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า การใช้งบพัฒนาจังหวัด ซื้อเสาไฟสูง 4 เมตร 60 ต้นระยะทาง 500 เมตร จากสะพานสราญวิถี ถึงสะพานคลองบางนางรม ที่ผ่านมาได้ส่งมอบให้เทศบาลเมืองประจวบฯ ดูแลทรัพย์สินแล้ว ซึ่งได้รวบรวมเอกสารหลักฐานทั้งหมด ส่งให้ผู้บริหารระดับจังหวัด และอธิบดีกรมโยธิการรับทราบ
สำหรับเสาไฟที่มีการใช้รถยนต์ของทางราชการ นำไปขายร้านของเก่า มีความสูง 4 เมตร ต้องพิสูจน์ให้ได้จาการทะเบียนคุมพัสดุว่า กรมการท่องเที่ยว หรือเทศบาลเมืองฯ เป็นเจ้าของทรัพย์สิน หรือไปไล่ดูกล้องวงจรปิด เพื่อหาหลักฐานในการดำเนินคดี
นายกมล แก้วเทศ นายกเทศมนตรีเมืองประจวบฯ กล่าวว่า ต้องการให้ร้านของเก่า เปิดเผยข้อมูลกล้องวงจรปิดเป็นหลักฐาน เพื่อชี้ชัดว่า เป็นบุคคลใด หรือรถกระเช้าของหน่วยงานใด นำเสาไฟไปขาย จะได้หาตัวผู้กระทำผิดได้เร็วขึ้น
สำหรับเสาไฟสับปะรดที่ชำรุดเสียหาย ที่ผ่านมาเทศบาลได้เก็บไปคืน ให้กับเจ้าของเงินงบประมาณ และบางส่วน ก็เก็บไว้ในบ่อบำบัดน้ำเสียเทศบาล ยืนยันว่าตั้งแต่มารับตำแหน่งนายกฯ ยังไม่เคยพบเห็นเอกสารในการรับมอบเสาไฟจากหน่วยงาน ตามที่มีการกล่าวอ้าง และโครงการนี้มีมานานกว่า 10 ปี มีการชำรุดเสียหายอย่างต่อเนื่อง ก่อนที่ตนจะมารับตำแหน่ง
จ่าอากาศเอกเสกสรรค์ จันทร แกนนำเครือข่ายคุ้มครองผู้บริโภค จ.ประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบพบว่ามีเสาไฟสับปะรด 3 ต้น กองไว้ริมบ่อบำบัดน้ำเสียด้านทิศใต้ ซึ่งเป็นพื้นที่ของเทศบาล มี 1 ต้นลักษณะคล้ายกับที่พบในร้านรับซื้อของเก่า สำหรับ 2 ต้นที่กองอยู่บริเวณใกล้กัน มีสภาพเก่าและมีวัชพืชปกคลุม
ดังนั้นหลังจากผู้บริหารเทศบาลเมืองประจวบฯ ยืนยันว่า ที่ผ่านมาไม่เคยรับมอบทรัพย์สินเสาไฟโคมไฟสับปะรด ไว้ดูแลตามอำนาจหน้าที่ ผู้บริหารเทศบาลต้องรีบไปตรวจสอบ “หากพบว่ามีทรัพย์สินของหน่วยราชการอื่น ถูกนำมากองทิ้งไว้ในพื้นที่รับผิดชอบ จะต้องไปแจ้งลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ หาหน่วยงานเจ้าของงบ นำเสาไฟไปเก็บในหน่วยงานนั้น
พร้อมเสาะหาผู้กระทำความผิด ในข้อหาลักทรัพย์ของทางราชการ หากเทศบาลไม่ดำเนินการ ก็ถือว่าเข้าข่ายละเว้นในการปฏิบัติหน้าที่ เนื่องจากในพื้นที่บ่อบำบัดน้ำเสีย มีอาคารการเก็บวัสดุอุปกรณ์ชองกองช่าง และรถยนต์ของเทศบาลเมืองประจวบฯ
ต่อมา ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ ตรวจสอบจำนวนเสาไฟที่ติดตั้ง ที่ชำรุด หรือมีการขโมยไปขายที่ร้านรับซื้อของเก่าก่อนหน้านี้หรือไม่ พบว่า เสาไฟโคมสับปะรด ที่จัดซื้อโดยกรมการท่องเที่ยว 75 ต้น ตั้งแต่สะพานสราญวิถี ไปจนถึงรั้วกำแพงกองบิน 5 ปัจจุบันมี 68 ต้น ถูกถอดออกไป 7 ต้น นำไปกองเก็บเป็นซาก ที่สำนักงานท่องเที่ยว และกีฬาจังหวัดประจวบ จำนวน 3 ต้น อีก 4 ต้น ไม่พบว่า ถูกเก็บรักษาไว้ที่ใด
สำหรับเสาไฟสับปะรด ตั้งแต่สะพานสราญวิถี ถึงสะพานบางนางรม สำนักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ อ้างว่า ได้ส่งมอบให้กับเทศบาลไปแล้ว และอยู่ในการดูแลรับผิดชอบของทางเทศบาล มีจำนวน 60 ต้น พบว่า ชำรุดไม่สามารถใช้การได้เป็นส่วนใหญ่ มีเสาไฟที่ถูกถอดออกไปจากริมเขื่อนอ่าวประจวบ จำนวน 24 ต้น พบกองเป็นซากในบ่อบำบัดน้ำเสียของเทศบาล 3 ต้น ที่เหลือไม่ทราบถูกเก็บไว้ที่ใด ขณะที่ภายในสำนักงานโยธาฯ ไม่มีเสาไฟเก่ามากองเก็บรักษาแต่อย่างใด