"รพี" อัด "แอม" พูดให้ร้ายคนตาย ปมอ้างให้ "ไซยาไนด์" "ก้อย" ไปผสมกับยาเสพติด

16 พฤษภาคม 2566 ความคืบหน้าการดำเนินคดี นางสรารัตน์ หรือ "แอม ไซยาไนด์" ผู้ต้องหาในคดีฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน 14 คดี และพยายามฆ่าผู้อื่นอีก 1 คดี รวม 15 คดีนั้น ซึ่งจากการเข้าสอบปากคำโดย พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ล่าสุดภายในเรือนจำ "แอม" อ้างว่า ให้ไซยาไนด์ "น.ส.ก้อย" ไปทดลองผสมยาเสพติด แต่ยังปฏิเสธให้เหยื่อดื่มกิน ตามที่นำเสนอข่าวไปก่อนหน้านั้น 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง : 

• "รองอ๊อฟ" เข้ารับทราบข้อหา ช่วยอดีตภรรยา ซ่อนกระเป๋า "เท้าแชร์ก้อย"
• กองปราบแจ้งเอาผิด "รองอ๊อฟ" ช่วยอดีตภรรยา ย้ายของกลาง-อำพรางความผิด
• "แอม ไซยาไนด์" ให้ปากคำ "บิ๊กโจ๊ก" อ้างให้ไซยาไนด์ "ก้อย" ไปผสมยาเสพติด

ล่าสุด นายรพี ชำนาญเรือ พี่ชายคนสนิทของ น.ส.ก้อย และเป็นผู้ที่ออกมาเรียกร้องความเป็นธรรม ให้กับนางสาวก้อย ได้กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า การที่ "แอม ไซยาไนด์" ออกมาให้ข้อมูลในลักษณะนี้ เป็นการพยายามให้ร้าย และลดความน่าเชื่อถือของผู้เสียชีวิต พยายามทำให้สังคมเห็นว่า ผู้เสียชีวิตมีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ซึ่งไม่เป็นความจริง 

ตนรวมถึงกลุ่มเพื่อนและครอบครัวของน้องก้อย สามารถยืนยันได้ว่า น้องก้อยเป็นคนทำมาหากิน และไม่เคยมีพฤติกรรมเข้าไปเกี่ยวเสพติดอย่างแน่นอน อีกทั้ง เมื่อได้สอบถามไปยังผู้เชี่ยวชาญ และนักวิชาการที่มีความชำนาญ ก็ได้รับการยืนยันว่า การจะนำสารไซยาไนด์ ไปผสมกับยาเสพติดเพื่อเสพนั้น ไม่สามารถทำได้ เพราะเพียงแค่สูดดมเข้าไปเพียงเล็กน้อย ก็อาจเป็นอันตราย ถึงขั้นเสียชีวิตได้ การที่ "แอม ไซยาไนด์" กล่าวอ้างในลักษณะดังกล่าว จึงไม่เป็นความจริงอย่างแน่นอน 


ส่วนกรณีที่อ้างว่า ได้รับสารไซยาไนด์มาจาก "นายแด้" อดีตสามีนั้น ตนก็เชื่อว่า เป็นเพียงการโยนความผิดให้กับคนที่ตายไปแล้ว อย่างไรก็ตาม การที่ "แอม ไซยาไนด์" ออกมาให้ข้อมูลเช่นนี้ ก็ถือเป็นผลดี เพราะเป็นการยืนยันว่า สารไซยาไนด์มาจาก "แอม" อย่างแน่นอน ซึ่งทางตำรวจก็จะได้นำไปใช้ประกอบสำนวนคดี ในการเอาผิดตามกฎหมายต่อไป 

 

นายรพี กล่าวว่า ส่วนเรื่องของโทรศัพท์มือถือ iPhone 14 Pro Max ของน้องก้อย ที่ยังคงหาไม่พบนั้น ขณะนี้ ตนได้นำรูปของโทรศัพท์มือถือเครื่องดังกล่าว พร้อมด้วยหมายเลขอีมี ลงประกาศใน Facebook และอยากจะขอความร่วมมื อไปยังร้านโทรศัพท์มือถือ รวมถึงผู้ที่ติดตาม Facebook ของตนอยู่ ให้ช่วยแชร์ภาพของเครื่องโทรศัพท์ และหมายเลขอีมีดังกล่าวออกไป

หากมีผู้พบเห็น หรือครอบครองโทรศัพท์ดังกล่าวอยู่ ขอให้ช่วยติดต่อกลับมาหาที่ตน หรือทางตำรวจเพื่อจะได้นำโทรศัพท์ดังกล่าว มาตรวจสอบเก็บกู้ข้อมูล หาหลักฐานในการเอาผิดกับ "แอม ไซยาไนด์" ให้ได้มากขึ้น

ขณะเดี่ยวกัน ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปบ้านของ น.ส.ก้อย ในพื้นที่ ต.สิงห์ อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี และได้พูดคุยกับ "น.ส.ส้ม" พี่สาวของ น.ส.ก้อย เรื่องที่ "แอม ไซยาไนด์" ออกมาโยนความผิดให้กับ น.ส.ก้อย ว่า มีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ก็ได้รับการยืนยันว่า เรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริงอย่างแน่นอน รวมถึงคนในครอบครัวและกลุ่มเพื่อน ต่างรู้กันดีว่า น.ส.ก้อย ไม่เคยเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด และยังเป็นเพื่อนในกลุ่มเดียวกับนายรพี ซึ่งเป็นคนที่ไม่ชอบยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด หาก น.ส.ก้อย มีพฤติกรรมยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดจริง ก็คงจะไม่สามารถอยู่ในกลุ่มของนายรพีได้ ที่สำคัญก็คือ ผลการตรวจชันสูตร ก็ไม่พบสารเสพติดในร่างกายแต่อย่างใด

น.ส.ส้ม ยังได้ฝากไปถึง "แอม ไซยาไนด์" ว่า ที่ผ่านมาครอบครัวของตน ต้องเจ็บปวดกับเรื่องที่เกิดขึ้น และต้องรับมือกับความเสียใจ ในการที่สูญเสียน้องสาว และบุคคลอันเป็นที่รัก ที่เป็นเสาหลักของครอบครัว ซึ่งก็ถือว่าหนักมากแล้ว แต่ในวันนี้ยังต้องมาพบ กับการพูดจาให้ร้ายคนตายอีก ยิ่งเหมือนกับเป็นการทำร้ายจิตใจ ของคนในครอบครัวซ้ำ
 

อยากจะถามว่า "แอม ไซยาไนด์" ต้องเป็นคนแบบไหน ถึงได้กล้าพูดจาใส่ร้ายคนตาย ที่เป็นเหยื่อของตัวเองได้แบบนี้