13 พฤศจิกายน 2567 ที่อาคารพิทักษ์สันติ กองบังคับการปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เผยหลังเข้าประชุมติดตามคดีคลิปเสียงของ น.ส.กฤษอนงค์ สุวรรณวงศ์ เจ้าของเพจกฤษอนงค์ต้านโกง ที่มีการเรียกรับเงิน นายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือ "บอสพอล" ว่า วันนี้มีการประชุมหลายเรื่องด้วยกัน
เรื่องแรกคือ กรณีคลิปเสียงของ น.ส.กฤษอนงค์ ที่มีการเรียกรับเงินจากบอสพอล จำนวน 300,000 บาท และ 450,000 บาท ซึ่งตอนนี้มีการรวบรวมข้อมูลพยานหลักฐานต่าง ๆ ไปแล้วถึง 80-90% และจะมีความชัดเจนภายในสัปดาห์นี้ เบื้องต้นในส่วนนี้จะเข้าข่ายความผิดกรรโชกทรัพย์ แต่ยังบอกไม่ได้ว่าจะเป็นหมายเรียกหรือหมายจับ
เรื่องต่อมาคือเรื่องใหม่ที่ทางทนายของ นายภูดิท กำเนิดพลอย หรือ "หนุ่ม กรรชัย" ได้เดินทางเข้าแจ้งความดำเนินคดีระหว่าง น.ส.กฤษอนงค์ กับ นายรัฐภูมิ โตคงทรัพย์ หรือ "ฟิล์ม รัฐภูมิ" ที่มีการกล่าวอ้างชื่อหนุ่มกรรชัย และรายการโหนกระแส ไปเรียกรับเงินจาก "บอสปัน" และ "บอสพอล" จำนวน 20 ล้านบาท ซึ่งในส่วนนี้เป็นความรับผิดชอบของ กก.1 บก.ป. เบื้องต้นในส่วนที่ หนุ่ม กรรชัย แจ้งความเอาผิด 2 บุคคลดังกล่าว ในข้อหาพยายามฉ้อโกงและหมิ่นประมาท
และจากหลักฐานที่ได้มายืนยันว่า คลิปเสียงไม่ได้มีการตัดต่อแต่อย่างใด และขณะนี้ก็ได้มีการประสานทนายบอสพอล เพื่อให้นำหลักฐานต่าง ๆ มาร้องทุกข์ แจ้งความดำเนินคดีแล้ว ทางด้านทนายบอสพอลยืนยันว่า จะดำเนินคดีด้วย และกำลังรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมด ซึ่งขณะนี้มีพนักงานสอบสวน ได้เข้าไปสอบปากคำระหว่างบอสปันกับบอสพอลถึงเรื่องนี้แล้ว
โดยในส่วนของ ฟิล์ม รัฐภูมิ หากไม่ได้พบความผิดเพิ่มเติม ก็จะยังไม่สามารถออกหมายจับได้ เนื่องจากเป็นคดีของศาลแขวง จึงเป็นการออกหมายเรียกให้มารับทราบข้อกล่าวหาแทน
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ทั้งตัว น.ส.กฤษอนงค์ และ ฟิล์ม รัฐภูมิ ได้มีพฤติกรรมแบบนี้กับบอสคนอื่นอีกหรือไม่นั้น พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า คาดว่ายังมีบอสอีกหลายคนที่ถูกกระทำเช่นนี้ แต่ตอนนี้ขอทำเป็นเรื่อง ๆ ไปก่อน
"เจ๊พัช" รับกังวลหากถูกออกหมายจับ มั่นใจมีหลักฐานเด็ดแจงความบริสุทธิ์
ขณะที่ น.ส.กฤษอนงค์ ระบุว่า เสียงผู้หญิงในคลิปบันทึกเสียงดังกล่าวเป็นตนจริง แต่คลิปเสียงมีการตัดตอนออกบางช่วง ส่วนจำนวนเงิน 20 ล้านบาทนั้น เป็นค่าแผนงานโครงสร้างธุรกิจ เช่น งบประชาสัมพันธ์ , เงินเยียวยาผู้เสียหาย โดยเงินจำนวนนี้ เกิดจากพูดคุยกับผู้บริหารบริษัทดิไอคอน ที่ประเมินมูลค่าแผนงานดังกล่าวมาจากขนาดธุรกิจ
ส่วนหลังจากนี้หากถูกดำเนินคดี หรือถูกออกหมายจับ ยอมรับว่า มีความกังวลและยังไม่ได้เตรียมหลักทรัพย์เพื่อประกันตัว แต่มีหลักฐานที่จะนำไปต่อสู้ในกระบวนการยุติธรรม ยืนยันว่าหลักฐานชิ้นนี้ สามารถชี้แจงข้อเท็จจริง และทำให้พ้นจากข้อกล่าวหาได้ หากเป็นเช่นนั้น ก็อยากให้นำกรณีของตน ไปเป็นประเด็นตัวอย่างให้กับสังคม
น.ส.กฤษอนงค์ ตั้งข้อสังเกตว่า ที่ตนตกเป็นเป้าหมายสำคัญในคดีนี้ เนื่องจากก่อนหน้านี้ เคยช่วยเหลือผู้เสียหายจากคดีดิไอคอน จำนวน 89 คน ให้ได้รับเงินเยี่ยวยา จึงอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ผู้ที่เสียผลประโยชน์แค้น และเป็นจุดเริ่มที่มีผู้เสียหายเพิ่มขึ้นกว่า 10,000 คน ในขณะนี้
ส่วนที่เข้ามาดำเนินการในคดีนี้ เพราะต้องการให้ สคบ.ออกมาตรการดูแลคุ้มครองผู้เสียหายให้มากกว่านี้ โดยผู้เสียหายที่อยู่ในความรับผิดชอบของตนเกือบ 100 คน จะดำเนินการฟ้องตรงต่อศาล เพื่อให้เข้าสู่กระบวนการโดยเร็ว ยืนยันว่าเป็นการทำงานคู่ขนานกับของตำรวจ และยังคงเชื่อมั่น ในการทำงานของเจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย