เมื่อเวลา 14.30 น. "นายเชาวนะ ไตรมาศ" เลขาธิการศาลรัฐธรรมนูญ เปิดแถลงว่า ขณะนี้ปมวินิจฉัย "นายก 8 ปี" ถือว่าอยู่ในกระบวนการพิจารณา ส่วนที่การที่มีการเผยแพร่คำชี้แจงของฝ่ายผู้ร้องและผู้ถูกร้อง กอปรกับมีข่าวสารรั่วไหล ทำให้ศาลรธน.ต้องพึงระมัดระวัง เพิ่มความรอบคอบ แม้ไม่ทราบว่าหลุดจากไหน อย่างไร เป็นเรื่องที่"ศาลรธน." ต้องเพิ่มมาตรการเข้มงวดรัดกุม และยังยืนไม่ได้ว่าเป็นเอกสารจริงหรือไม่ เพราะเห็นพร้อมกันกับสื่อ
"เลขาศาลรธน." ชี้แจง ขั้นตอนการพิจารณา ปม "นายกฯ 8 ปี"ว่า ระยะเวลาตามกฎหมายกำหนดไว้ในคดีบางเรื่อง เช่น พระราชกำหนด (พ.ร.ก. ) ร่างพ.ร.บ.แก้ไขรัฐธรรมนูญ สนธิสัญญาระหว่างประเทศ กำหนดกรอบเวลาเฉพาะเจาะจง 15- 30 วัน
"แต่กรณีนี้ ไม่มีกรอบเวลา ส่วนการประชุมศาลรธน. วันพรุ่งนี้ เป็นเรื่องสำคัญ ศาลให้ความสำคัญการกำหนดเวลาเมื่อหนึ่งเมื่อใด นั้นมีจุดเดียวที่ศาลกำหนด ถ้าเห็นว่าข้อเท็จจริงเพียงพอต่อการพิจารณา เพียงพอต่อการวินิจฉัย ให้ยุติ เพื่อกำหนดประเด็นการวินิจฉัยจากนั้นศาลรธน.จะนัดอ่านความเห็นของแต่ละท่าน ปรึกษากัน และลงมติ" เลขาธิการศาลรธน. แถลง
"กระแสข่าวว่า ในการประชุมวันพรุ่งนี้ จะมีผลออกเสียงข้างมาก ข้างน้อย แต่กระบวนการยังไม่ถึงขั้นตอนนั้น ไม่สามารถที่จะทราบมติการออกเสียงได้ เป็นเพียงการนำข้อมูลหลักฐานจากฝ่ายที่เกี่ยวข้อง มีความเพียงพอที่จะพิจารณาและเพียงพอที่จะนำไปสู่การวินิจฉัยต่อไปได้หรือไม่เท่านั้น การที่มีกระแสข่าวว่า จะมีการนัดอ่านคำวินิจฉัยในอีก 15 วัน ศาลยืนยันว่า ตอนนี้ยังไม่มีเงื่อนไขของการนัดเวลาที่จะอ่านคำวินิจฉัย เพราะระดับขั้นตอนที่ศาลต้องพิจารณาจะมีการอภิปราย หากไม่พอ ศาลจะต้องขอหลักฐานเพิ่มเติมตามที่กฎหมายกำหนด จากพยานบุคคล หน่วยงานราชการ หรือพนักงานสอบสวน มากระทำหรือให้การที่เป็นประโยชน์ต่อศาล และดำเนินขั้นตอนไต่สวน นี่คือลำดับขั้นตอนการทำงานของศาลรัฐธรรมนูญ" เลขาธิการ ศาลรธน. แถลงย้ำ
"เลขาธิการศาลรธน." อธิบายต่อไปว่า ปกติ คำร้องคู่กรณี โดยประเพณีปฏิบัติจะลงมติช่วงเช้า และอ่านคำวินิจฉัย ช่วงบ่าย ถ้าเรื่องไม่อยู่ในการไต่สวนจะนัดคู่ความล่วงหน้าไม่ต่ำกว่า 7 วัน มาฟัง แต่ถ้าเรื่องระหว่างไต่สวน สามารถแจ้งคู่กรณีไต่สวนครั้งหลังสุดและนัดวินิจฉัยได้เลย แต่กรณีนี้ไม่มีการไต่สวน ก็จะนัดไม่ต่ำกว่า 5- 7 วัน
"ส่วนการคาดการณ์จากบุคคลนอกผลวินิจฉัยเป็นอย่างไร "ศาลรธน." รับฟัง แต่ศาลรธน.ยึดสำนวนข้อเท็จจริงในการพิจารณา ไม่ได้ตำหนิบุคคลใดทั้งสิ้น ศาลรธน.มีความเป็นอิสระ ตั้งมั่นอยู่ในความยุติธรรม ตุลาการศาลรธน. ทั้ง เก้าท่าน ล้วนอิสระ และเมื่อหลักฐานที่มีอยู่ยังไม่เป็นที่ยุติว่าเพียงพอหรือยัง จึงเป็นเรื่องไกลเกินไปที่จะด่วนสรุปว่า ศาลรธน.ตัดสินแล้ว อย่างไรก็ตาม การประชุมพรุ่งนี้ หากมีความคืบหน้าอย่างไร ขึ้นอยู่กับศาลมีข่าวสารอะไรหรือไม่ก็จะแจ้งให้ทราบต่อไป" นายเชาวนะ เลขาธิการศาลรธน. กล่าว
ทั้งนี้ "นายวรวิทย์ กังศศิเทียม" ประธานศาลรธน. ฝากย้ำและแสดงความเป็นห่วงจากเหตุการณ์ที่มีการเผยแพร่เอกสารคำชี้แจงผู้ร้องและผู้ถูกร้อง แม้ไม่รู้ว่ามีที่มาจากไหน เนื่องจากต้องติดตามตรวจสอบว่าเป็นเอกสารที่มีที่มาที่ไปอย่างไร กังวลที่เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ รวมถึงการพาดพิงกระทบไปถึงผู้เกี่ยวข้องในส่วนต่างๆ
"ท่านจึงอยากเรียนให้สื่อมวลชนทราบว่า เหตุการณ์ดังกล่าวที่เกิดขึ้น ไม่เคยนิ่งนอนใจ ให้ตรวจสอบหาความจริงต่อไป และแสดงความเสียใจที่ข้อมูลรั่วไหลออกมา ส่งผลกระทบต่อผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในคดี จึงขอให้สื่อมวลชน ประชาสัมพันธ์ว่าตอนนี้ยังอยู่ในชั้นตรวจสอบข้อเท็จจริง ยังไม่มีข้อสรุปว่าเอกสารฉบับนี้มีที่มาที่ไปอย่างไร" เลขาธิการศาลรธน. แถลงตอนท้าย
ชมคลิป >>>การแถลงศาลรธน.