ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงถ้วนหน้าในการซื้อขายภาคเช้าของวันศุกร์ที่ 10 เมษายน โดยดัชนี Nikkei225 ของญี่ปุ่นร่วง 4.5%, ดัชนี Kospi ของเกาหลีใต้ ลดลง 1.7% และดัชนีฮั่งเส็ง ของฮ่องกงลดลง 0.7% แต่ดัชนี Shanghai Composite ของจีน ปรับขึ้น 0.1% ขณะที่หุ้นหลักในตลาดสหรัฐฯ ปิดตัวลดลงเมื่อวันพฤหัสบดี โดยดัชนี S&P500 ลดลง 3.5%, ดัชนี Dow Jones 2.5% และดัชนี Nasdaq ร่วง 4.3%
ตลาดหุ้นผันผวนอีกครั้งหลังจากทำเนียบขาวของสหรัฐฯ ชี้แจงเมื่อวานว่า การปรับขึ้นภาษีตอบโต้กับสินค้าจีนอีก 125% จะทบเพิ่มจากการขึ้นภาษี 20% ที่เริ่มมีผลในเดือนกุมภาพันธ์และมีนาคมเพื่อกดดันให้ปราบปรามยาเสพติดเฟนทานิล ทำให้สินค้าจีนจะต้องเสียภาษี 145% โดยมีผลบังคับทันทีเมื่อวันพฤหัสบดี
นอกจากนี้ราคาทองคำทำสถิติสูงสุดครั้งใหม่ โดยพุ่งขึ้นทะลุ 3,200 ดอลลาร์ต่อออนซ์เป็นครั้งแรก เมื่อนักลงทุนแห่ซื้อสินทรัพย์ที่ปลอดภัยตลอดกาล หลังจากตลาดหุ้นมีความผันผวนสูงมากเนื่องจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ ท่ามกลางสงครามการค้าที่ยังไม่รู้ว่าจะคลี่คลายได้เมื่อใด
ก่อนหน้านั้นประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวในการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันพฤหัสบดีเพื่อคลายความกังวลของตลาดหุ้นต่อผลกระทบจากสงครามการค้า โดยยืนยันว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงเข้มแข็งดีมาก แค่เผชิญกับต้นทุนและปัญหาของการเปลี่ยนผ่านแต่สุดท้ายแล้วจะพบกับสิ่งสวยงาม
ขณะเดียวกันเขาเตือนด้วยว่า การเก็บภาษีตอบโต้กับเกือบ 60 ประเทศและดินแดน ยกเว้นจีน ที่ถูกระงับไว้เป็นเวลา 90 วันจะกลับมามีผลอีกครั้ง หากประเทศเหล่านี้ไม่ยอมรับข้อตกลงตามที่สหรัฐฯ ต้องการและดีต่อทั้งสองฝ่าย แต่ก็ไม่ตัดความเป็นไปได้ที่จะขยายเวลาระงับภาษีออกไป
นอกจากนี้เขาบอกว่า อยากเจรจาเพื่อทำข้อตกลงกับจีน หลังจากจีนเอาเปรียบสหรัฐฯมานานมากแล้ว และเขากำลังพยายามจะแก้ไขให้เข้ารูปเข้ารอย เขาบอกด้วยว่า เคารพประธานาธิบดีสี จิ้นผิง อย่างมาก และเป็นเพื่อนกันมานาน เขาคิดว่า ในที่สุดจะสามารถทำข้อตกลงที่ดีมากสำหรับทั้งสองประเทศได้
อย่างไรก็ตามจีนเพิ่มเพิ่มมาตรการตอบโต้ภาษีทรัมป์ ด้วยการจำกัดการนำเข้าภาพยนตร์ฮอลลีวูดมาฉายในจีน ที่เป็นตลาดภาพยนตร์ใหญ่อันดับสองของโลก โดยสำนักงานภาพยนตร์แห่งชาติ อ้างว่า การขึ้นภาษีของสหรัฐฯ ต่อสินค้านำเข้าจากจีนจะทำให้ความต้องการชมภาพยนตร์ฮอลลีวูดลดลงยิ่งขึ้น จึงจะลดการนำเข้ามาฉายในประเทศ ขณะที่นักวิเคราะห์ มองว่า มาตรการนี้มีผลกระทบเพียงเล็กน้อย เพราะตลอด 30 ปีที่ผ่านมาจีนนำเข้าภาพยนตร์ฮอลลีวูดเพียง 10 เรื่องต่อปี
ขณะที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เตรียมเยือนศูนย์กลางการผลิตในอาเซียน โดยจะเยือนเวียดนามในวันที่ 14 เมษายน ตามด้วยมาเลเซียและกัมพูชา ขณะจีนกำลังพยายามกระชับความสัมพันธ์ทางการค้ากับชาติเพื่อนบ้าน ท่ามกลางความท้าทายจากภาษีของทรัมป์ และนายกรัฐมนตรีอันวาร์ อิบราฮิม ของมาเลเซีย กล่าวก่อนหน้านี้โดยเรียกร้องให้ชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยืนหยัดต่อต้านการขึ้นภาษีของทรัมป์
เวียดนามและกัมพูชาเผชิญภาษีตอบโต้ของสหรัฐฯ ในอัตรา 46% และ 49% ตามลำดับ แต่ได้รับการระงับ 90 วัน ส่วนมาเลเซียเผชิญอัตรา 24%