รัฐบาลใหม่ซีเรีย ประกาศเมื่อวันอังคาร (24 ธันวาคม) ว่า ผลการหารือระหว่างอาห์เหม็ด อัล-ชารา ผู้นำซีเรีย ซึ่งเป็นผู้นำกลุ่มฮายัต ตาห์รีร์ อัล-ชาม หรือ เอชทีเอส กลุ่มการเมืองและกลุ่มติดอาวุธใหญ่ที่สุดด้วย และผู้นำกลุ่มติดอาวุธทั้งหลาย สามารถบรรลุข้อตกลงยุบรวมกันและอยู่ภายใต้กระทรวงกลาโหม แต่กองกำลังประชาธิปไตยซีเรีย หรือ เอสดีเอฟ ที่นำโดยชาวเคิร์ดและได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐฯ และอยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของซีเรีย ไม่ได้เข้าร่วมข้อตกลงนี้
เมื่อสัปดาห์ที่แล้วโมฮัมเหม็ด อัล-บาชีร์ นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของซีเรีย ประกาศว่า กระทรวงกลาโหมจะปรับโครงสร้างใหม่โดยจัดตั้งกองทัพที่ประกอบด้วยอดีตนักรบกบฏและอดีตทหารในกองทัพสมัยประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด
กองกำลังกบฏภายใต้การนำของเอชทีเอสสามารถยึดกรุงดามัสกัสและกุมอำนาจบริหารประเทศได้สำเร็จเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม ทำให้ประธานาธิบดีอัล-อัสซาดต้องหลบหนีไปลี้ภัยในรัสเซีย
รัฐบาลเฉพาะกาลได้แต่งตั้งมูร์ฮาฟ อาบู กัสรา เป็นรัฐมนตรีกลาโหม และอัล-ชารา เคยสัญญาไว้ว่า อาวุธทั้งหมดทั่วประเทศ ซึ่งรวมถึงอาวุธในมือกองกำลังชาวเคิร์ดจะต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐ และมีการเปิดศูนย์ปรองดองที่ให้อดีตทหารและตำรวจในสมัยอัสซาดเข้าส่งมอบอาวุธและขึ้นทะเบียนภายใต้โครงการนิรโทษกรรมแก่บุคคลที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมในสมัยอัสซาด
ผู้นำซีเรียให้ความมั่นใจแก่นักการทูตสหรัฐฯ ที่เข้าพบเขาที่กรุงดามัสกัสว่า เอชทีเอสจะไม่ตามล้างแค้นอดีตรัฐบาลหรือกดขี่กลุ่มศาสนาใด ๆ โดยเขามุ่งให้ความสำคัญกับการฟื้นฟูบ้านเมือง พัฒนาเศรษฐกิจ และไม่ต้องการเข้าร่วมสงครามครั้งใหม่
นอกจากนี้กาตาร์เรียกร้องเมื่อวันอังคารให้ชาติตะวันตกยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรต่อซีเรียโดยเร็ว และสถานทูตกาตาร์ในกรุงดามัสกัสเพิ่งกลับมาเปิดทำการอีกครั้งเมื่อวันอาทิตย์