การประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ครั้งที่ 29 หรือ COP29 ที่กรุงบากู อาเซอร์ไบจาน สามารถบรรลุข้อตกลงเรื่องการเพิ่มเงินสมทบกองทุนเพื่อช่วยเหลือชาติยากจนในการบรรเทาผลกระทบจากภัยพิบัติที่เป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศและการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดในวันอาทิตย์ (24 พฤศจิกายน) หลังใช้เวลาเกือบ 2 สัปดาห์ และขยายเวลาจากเดิมกำหนดสิ้นสุดในวันศุกร์ ท่ามกลางความขัดแย้งและการโต้เถียงอย่างหนักจนถึงขั้นการบอยคอตต์
ที่ประชุมเห็นพ้องกับข้อตกลงใหม่ที่ชาติร่ำรวยสัญญาเพิ่มเงินสนับสนุนเป็น 300,000 ล้านดอลลาร์ต่อปีจนถึงปี 2035 จากข้อตกลงเดิมที่ 100,000 ดอลลาร์ต่อปี ระหว่างปี 2020-2025 โดยจะเป็นเงินสนับสนุนจากทั้งรัฐบาลและภาคเอกชน
ในช่วงหนึ่งของการประชุมเมื่อวันเสาร์เกือบจะล่ม เมื่อผู้แทนของประเทศหมู่เกาะเล็ก ๆ ที่ได้รับผลกระทบหนักจากสภาพภูมิอากาศ และประเทศกำลังพัฒนา เดินออกจากห้องประชุม เพราะไม่พอใจข้อเสนอที่ประเทศร่ำรวยและปล่อยก๊าซเรือนกระจกจำนวนมหาศาลจะเพิ่มเงินสนับสนุนเป็น 250,000 ล้านดอลลาร์ต่อปี ก่อนกลับมาเจรจากันใหม่จนได้ร่างข้อเสนอใหม่ที่ 300,000 ล้านดอลลาร์ต่อปี และบรรลุข้อตกลงได้ในที่สุดในเวลา 2.40 น.ของวันอาทิตย์ตามเวลาท้องถิ่น
แต่ตัวเลขล่าสุดยังไม่ใช่สิ่งที่ชาติกำลังพัฒนาพอใจ เพราะมองว่าไม่เพียงพอ และนักเศรษฐศาสตร์มองว่าควรจะสูงถึง 1.3 ล้านล้านดอลลาร์ต่อปี ขณะที่รายงานของคณะผู้เชี่ยวชาญที่เผยแพร่ในที่ประชุมแนะว่า ประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกควรลงทุน 6.5 ล้านล้านดอลลาร์ต่อปีจนถึงปี 2030 เพื่อบรรเทาผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ
ผู้แทนของอินเดียวิจารณ์ผลการประชุมอย่างดุเดือดทันทีหลังสิ้นสุดการประชุม โดยบอกว่า ข้อตกลงที่ได้เป็นแค่เงินน้อยนิด และภาพลวงตา ไม่สามารถแก้ไขความท้าทายมหาศาลที่พวกเขาเผชิญได้
นอกจากนี้ผู้แทนจากประเทศหมู่เกาะมาร์แชลล์ วิจารณ์ว่า ผลประโยชน์ของอุตสาหกรรมเชื้อเพลิงฟอสซิลขัดขวางความคืบหน้าของการประชุมและทำลายเป้าหมายของหลายชาติที่ร่วมกันวางไว้
การประชุมครั้งนี้ถูกวิจารณ์ตั้งแต่เริ่มต้น เมื่ออาเซอร์ไบจาน ซึ่งเป็นชาติผู้ผลิตน้ำมัน กล่าวเปิดการประชุมโดยบอกว่า น้ำมันและก๊าซเป็นของขวัญจากพระเจ้า และมีล็อบบียิสต์หรือผู้อยู่ในอุตสาหกรรมเชื้อเพลิงฟอสซิลมากกว่า 1,700 คน ลงทะเบียนเข้าร่วมการประชุมมากกว่าจำนวนผู้แทนจากประเทศต่าง ทำให้มีข้อเรียกร้องเรื่องการปฏิรูปการประชุม และเสนอว่า การประชุมครั้งต่อไปควรจัดในประเทศที่แสดงออกว่าสนับสนุนการต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ โดยในปีที่แล้วการประชุมก็จัดในสหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ ซึ่งเป็นประเทศผู้ผลิตน้ำมันเช่นกัน
นอกจากนี้กลุ่มเคลื่อนไหวเรื่องสภาพภูมิอากาศจำนวนมากแสดงความผิดหวังและวิจารณ์อย่างหนักเกี่ยวกับผลการประชุม โดยบอกว่า การประชุมปีนี้เป็นการเจรจาที่เลวร้ายที่สุดในรอบหลายปี เพราะความไม่จริงใจของประเทศพัฒนาแล้ว แต่จะยังเดินหน้าผลักดันเพื่อให้ประเทศพัฒนาแล้วต้องรับผิดชอบ