เครื่องบินของสายการบินสปิริตแอร์ไลน์ถูกยิงขณะพยายามลงจอดในกรุงปอร์โตแปรงซ์ เมืองหลวงของเฮติ ทำให้ลูกเรือคนหนึ่งได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยเมื่อวันจันทร์ ต่อมาเจ็ตบลู ตรวจพบรอยเสียหายจากกระสุนปืนบนเครื่องบินลำหนึ่งที่บินกลับจากเฮติ และเครื่องบินของอเมริกันแอร์ไลน์ที่บินออกจากเฮติถูกยิงด้วยเช่นกัน
ทางการเฮติสั่งระงับเที่ยวบินเข้าออกกรุงปอร์โตแปรงซ์นาน 1 สัปดาห์แล้ว และล่าสุดสำนักงานการบินพลเรือนของสหรัฐฯ แจ้งเมื่อวันอังคารห้ามสายการบินให้บริการเที่ยวบินที่บินไปเฮติต่ำกว่าความสูง 10,000 ฟุต เป็นเวลา 30 วัน
ขณะที่สายการบินเจ็ตบลูประกาศระงับเที่ยวบินไปเฮติทั้งหมดถึงวันที่ 2 ธันวาคม และอเมริกันแอร์ไลน์สระงับเที่ยวบินไปปอร์โตแปรงซ์ทั้งหมดจนถึงวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2568
นอกจากนี้สหประชาชาติประกาศในวันเดียวกันให้เที่ยวบินของยูเอ็นทั้งหมดงดบินไปเฮติเนื่องจากสนามบินในปอร์โตแปรงซ์ถูกสั่งปิดจนถึงวันที่ 18 พฤศจิกายน และสั่งเลื่อนการขนส่งอาหารและเวชภัณฑ์ด้วยรถบรรทุกกว่าสิบคันไปทางใต้ของเฮติด้วย
สภาถ่ายโอนอำนาจของเฮติกล่าวโทษว่าแก๊งติดอาวุธยิงใส่เครื่องบินของสปิริตแอร์ไลน์ส และให้คำมั่นนำตัวผู้ก่อเหตุมาลงโทษ พร้อมทั้งกล่าวหาว่า กลุ่มติดอาวุธจงใจให้ประเทศถูกโดดเดี่ยวจากนานาชาติ
เฮติเผชิญเหตุรุนแรงจากแก๊งอาชญากรและความวุ่นวายทางการเมืองมานานเกือบ 1 ปี และนานาชาติได้รับผลกระทบโดยตรงจากเหตุรุนแรงในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเฮลิคอปเตอร์ของยูเอ็นถูกยิงขณะบินเหนือปอร์โตแปรงซ์ในเดือนที่แล้ว และแก๊งติดอาวุธยิงใส่รถของสถานทูตสหรัฐฯ ทำให้ต่อมาต้องอพยพเจ้าหน้าที่ 20 คน
และเมื่อวันอังคารสถานทูตสหรัฐฯ ในเฮติ ปรับคำเตือนโดยแนะนำให้พลเมืองหลีกเลี่ยงเดินทางไปเฮติ และสำหรับผู้ที่พำนักในเฮติอย่าทำตัวให้เป็นจุดสนใจ
ความรุนแรงล่าสุดเกิดขึ้นในขณะที่อลิกซ์ ดิดิเยร์ ฟิลส์-เอม นักธุรกิจ สาบานตนรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในวันจันทร์ และให้คำมั่นว่าจะฟื้นฟูประชาธิปไตยและความมั่นคงในประเทศ
การต่อสู้แย่งชิงพื้นที่อิทธิพลระหว่างแก๊งติดอาวุธลุกลามในเฮตินับจากเหตุลอบสังหารประธานาธิบดีโฌเวเนล โมอิสเมื่อปี 2564 และมีผู้เสียชีวิตจากเหตุรุนแรงมากกว่า 3,600 คนนับจากเดือนมกราคมปีนี้ และอีกกว่า 500,000 คน อพยพออกจากบ้านเรือน